โบท็อก

เจาะลึก โบท็อก (Botox) คืออะไร เห็นผลทันทีไหม ควรรู้อะไรบ้าง?

โบทูไลนุ่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อก (Botox) คือ นวัตกรรมที่ใช้สำหรับลดริ้วรอย ซึ่งสามารถนำมาฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยให้เรียบเนียนขึ้นได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา โบท็อกลิฟกรอบหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เช่น การฉีดโบลดกราม ฉีดโบลดน่องเรียวครับ

การฉีดโบท็อกเป็นวิธีการเสริมความงามที่เป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน  ในทุกๆปีจะมีจำนวนผู้เข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่ค้นพบเทคนิคใหม่ๆ ในการใช้โบท็อกซ์เพื่อการรักษาปัญหาและโรคต่างๆ ทั้งด้านความงามและการรักษาโรคทางกายอื่นๆ เกิดขึ้นทุกวันครับ ความนิยมอาจเพราะเป็นวิธีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้ที่รักความสวยรักงามแบบทันใจเพราะเห็นผลภายใน 3-7 วัน และเห็นผลชัดเจนครับ

บทความนี้หมอจะมาเล่าถึงโบท็อก หรือ โบทูไลนุ่มท็อกซิน ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ ก่อนอื่นหมอขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อนนะครับ หมอชื่อ หมอเอ็ม หรือ นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำ เอ็มวีต้าคลินิก นะครับ

โบท็อก (Botox) คืออะไร

โบทูไลนุ่มท็อกซิน หรือ โบท็อก คือ สารจำพวกโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ผลิตโดยแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า คลอสทริเดียม โบทูไลนุ่ม Clostridium botulinum

ซึ่งเจ้าโบท็อกซ์ตัวนี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งสัญญาณประสาทที่จะมากระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัว ผลจึงทำให้กล้ามเนื้อตึงมากขึ้น ขยับน้อยลงครับ

ชื่อ โบทูไลนุ่มท็อกซิน (Butollinum Toxin) เป็นชื่อเรียกที่ถูกต้องครับ แต่มันค่อนข้างยาวและจำยาก ส่วนชื่อ โบท็อก ที่เราเรียกกันติดปากนั้น เป็นชื่อทางการค้าของ ผลิตภัณฑ์ตัวโบทูไลนุ่มท็อกซิน ที่ผลิตจากบริษัท Allergan ที่เป็นผู้คิดค้นและถือลิขสิทธิ์เป็นบริษัทแรกของโลกครับ

ชื่อ โบท็อก ทั้งสั้นและเรียกง่าย ก็เลยติดปากทั้งคุณหมอและคนไข้ส่วนใหญ่มาจนปัจจุบันนั่นเองครับ

กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก

ปกติแล้วการทำงานของกล้ามเนื้อ จะเกิดจากการที่ปลายประสาทมีการส่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine ; ตัวย่อ ACh) ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัวทำให้เกิดการขยับของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ดังรูปนี้นะครับ

ฉีดโบท็อก

เมื่อหมอได้ทำการฉีดโบท็อกไปในกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการรักษาแล้ว สารโบทูไลนุ่มท็อกซินจะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และบล็อคการส่งสารสื่อประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ครับ

โบท็อกซ์

เมื่อไม่มีสารสื่อประสาท กล้ามเนื้อก็ไม่ได้รับการกระตุ้น จึงไม่เกิดการหดตัว กล้ามเนื้อจะกลายเป็นคลายตัว และจะค่อยๆ มีขนาดเล็กลงครับ

หลังการฉีดผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ปลายประสาทก็จะค่อยๆ กลับมาส่งสารสื่อประสาทได้อีกครั้ง ดังนั้น ผลของโบท็อกจึงไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อตายแต่อย่างใด หลังหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อมัดนั้นๆ ก็จะกลับมาขยับได้ตามปกติเหมือนเดิมครับ

โบท็อกรักษาอะไรได้บ้าง

เนื่องด้วยคุณสมบัติในการยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ และทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวมากขึ้นนั้น โบท็อก หรือ โบทูไลนุ่มท็อกซิน จึงสามารถนำมาใช้รักษาอาการดังต่อไปนี้

1. ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า

การฉีดโบท็อกสามารถช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา เป็นต้น รวมถึงการฉีดเพื่อรักษาภาวะโรคที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออื่นๆ เช่น ตาเหล่ (Strabismus) เป็นต้นครับ

2. ลดอาการปวดจากการเกร็งกล้ามเนื้อ

เมื่อฉีดโบทูลินัมท็อกซินจะสามารถช่วยลดอาการปวดเกร็งที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้ เช่น อาการปวดหัวไมเกรน หรืออาการคอบิดเกร็ง (Cervical dystonia) โดยฉีดให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บไปยังสมอง จึงลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนได้ดีครับ

3. รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ

การฉีดโบท็อกสามารถช่วยรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อชนิดต่างๆ เช่น อาการตากระตุก(Blepharospasm) อาการกล้ามเนื้อขากระตุกที่พบในคนไข้สมองพิการ (Lower limb spasticity from cerebral palsy)

4. ลดขนาดของกล้ามเนื้อ

เมื่อฉีดโบทูไลนุ่มท็อกซินในปริมาณที่มากขึ้น สามารถใช้ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อ ในบางจุดได้ เช่น ลดขนาดกราม (โบท็อกหน้าเรียว) ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง เป็นต้นครับ

5. รักษาโรคหรือกลุ่มอาการอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกเพื่อรักษากลุ่มอาการหรือโรคอื่นๆยกตัวอย่างเช่น ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder) ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence) ด้วยครับผม

โบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง

ในส่วนนี้หมอก็จะขอขยายความต่อจากบทความด้านบนที่ว่าโบท็อกใช้รักษาอะไรได้บ้าง จากนี้ก็จะเป็นการลงรายละเอียดเฉพาะตำแหน่งที่จะสามารถฉีดโบท็อกเพื่อเสริมความงามได้นะครับ มีดังต่อไปนี้ครับ

ฉีดโบท็อกตรงไหนได้บ้าง

1. โบท็อกกราม

โดยปกติแล้วรูปหน้าคนไทยค่อนข้างที่จะมีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้กรามดูกว้าง เราสามารถฉีดโบท็อกลดกรามให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ดูหน้าเรียวขึ้นได้ครับ

2. โบท็อกลิฟกรอบหน้า

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า ซึ่งหากฉีดโบท็อกไปตามแนวกรอบหน้าจะบล็อคกล้ามเนื้อบริเวณคอที่ดึงหน้าลง ทำให้รูปหน้าดูยกขึ้น รวมไปถึงการฉีดโบท็อกยกคิ้ว เราสามารถปรับรูปคิ้วให้ยกขึ้นหรือได้รูปขึ้นด้วยการฉีดโบท็อกได้ครับ

3. โบท็อกริ้วรอย

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ริ้วรอยก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้า ริ้วรอยเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ จุดที่สามารถฉีดโบลดริ้วรอยให้เลือนหายไปได้ ได้แก่

  • โบท็อกหน้าผาก ช่วยให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากเลือนหายและปรับรูปคิ้วได้ครับ
  • โบท็อกหัวคิ้ว ช่วยลบเลือนริ้วรอยจากการขมวดคิ้ว ทำให้หัวคิ้วดูเรียบเนียน
  • โบท็อกตีนกา ช่วยลดริ้วรอยหางตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะให้เลือนหายไป
  • โบท็อกใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะดูลดลง
  • โบท็อกริ้วจมูก ช่วยลบเลือนบันนี่ไลน์ (Bunny lines) หรือริ้วรอยบริเวณสันจมูกให้หายไป
  • โบท็อกรอยบุ๋มที่คาง สำหรับบางท่านที่กล้ามเนื้อบริเวณคางแข็งแรง เวลาที่เผลอย่นคางจะเป็นรอยบุ๋มขึ้นมา สามารถฉีดโบท็อกเพื่อให้รอยบุ๋มนี้หายไปได้ครับ

4. โบท็อกจมูก

การฉีดโบท็อกจมูกสามารถช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยงามขึ้นได้ โดยจุดที่ฉีด ได้แก่

  • โบท็อกปีกจมูก จะช่วยให้ปีกจมูกแคบลง ทรงจมูกดูเรียวขึ้น เหมาะกับท่านที่มีปัญหาปีกจมูกกว้าง
  • โบท็อกสันจมูก (โบท็อกรัดแกน) จะช่วยให้สันจมูกคมชัดขึ้น
  • โบท็อกปรับปลายจมูก จะช่วยปรับตำแหน่งปลายจมูกให้ยกขึ้นได้เล็กน้อย

5. โบท็อกแก้อาการยิ้มเห็นเหงือก

การฉีดโบท็อกสามารถช่วยปรับตำแหน่งริมฝีปากบนบนเวลาที่ยิ้มไม่ให้สูงเกินไปจนเห็นเหงือก ช่วยให้คนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

6. โบท็อกยกมุมปาก

การฉีดโบท็อกยกมุมปากจะช่วยให้มุมปากยกขึ้นได้เล็กน้อยด้วยการบล็อคกล้ามเนื้อใต้มุมปาก ซึ่งเทคนิคนี้ต้องทำโดยคุณหมอที่มีความชำนาญเพื่อให้มุมปากสองข้างยกขึ้นได้อย่างสมดุล

7. โบท็อกรักแร้

สำหรับท่านที่มีเหงื่อออกใต้วงแขนค่อนข้างเยอะ การฉีดโบท็อกที่รักแร้จะช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวใต้วงแขนได้ ซึ่งการฉีดโบท็อกจะช่วยบล็อคการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลงรวมถึงกลิ่นใต้วงแขนก็จะลดลงด้วยครับ

8. โบท็อกปรับรูปร่าง

การฉีดโบท็อกสามารถปรับสัดส่วนของร่างกายให้สวยงามยิ่งขึ้นได้ จุดที่ฉีดได้แก่

  • โบท็อกน่อง ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องเล็กลง ทำให้น่องเรียวได้รูปสวยงามขึ้น
  • โบท็อกบ่า ทำให้กล้ามเนื้อบ่าปูดน้อยลง คอดูงามระหงขึ้น ช่วงคอดูยาวขึ้น
  • โบท็อกกล้ามเนื้อไหล่ ให้ไหล่ปูดน้อยลง เพิ่มลุคที่ดูอ่อนโยนเป็นผู้หญิงมากขึ้น
  • โบท็อกกล้ามเนื้อต้นแขน ให้กล้ามเนื้อต้นแขนหรือไบเซ็ปส์เล็กลง เหมาะกับคุณผู้หญิงเช่นกัน

9. โบท็อกในข้อบ่งชี้อื่นๆ

ปัจจุบันงานวิจัยใหม่ๆ มีการนำเอาโบท็อกมาใช้เพื่อความงามที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ฉีดโบท็อกกระชับรูขุมขน โบท็อกจะออกฤทธิ์ที่ต่อมน้ำมันใต้ผิว จะช่วยให้รูขุมขนเล็กลง เหมาะกับท่านที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือมีสิว
  • โบท็อกแผลเป็นคีลอยด์ มีงานวิจัยที่น่าสนใจในการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาคีลอยด์ พบว่าได้ผลดีในระดับนึง อาจใช้เป็นอีกทางเลือกในการรักษาได้ครับ

ฉีดโบท็อกอันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่

การฉีดโบท็อกนั้นหากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้เทคนิคที่ดี และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยมากๆ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียงครับผม เพียงแค่อาจจะมีรอยเข็ม รอยช้ำหรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีดบ้างนิดหน่อยซึ่งมักจะหายภายใน 3-5 วันครับ

ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงหรือปัญหาที่อาจเกิดจากการฉีดโบท็อกมักพบในคนไข้ท่านที่เลือกรับบริการฉีดโบท็อกกับผู้ที่ไม่ได้เป็นแพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ และอีกกรณีนึงคือการฉีดโบท็อกปลอมที่ไม่ผ่าน อย ครับ ซึ่งอาจจะพบผลข้างเคียงได้ ดังต่อไปนี้

อาการดื้อโบท็อก

หากมีอาการดื้อโบท็อกแล้วจะทำให้เมื่อฉีดครั้งถัดไปจะเห็นผลลัพธ์น้อยลงหรืออาจไม่เห็นผลลัพธ์เลย ส่วนใหญ่มักเกิดในท่านที่ฉีดโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโบท็อกบ่อยเกินไป เช่น ฉีดทุก 1-2 เดือนครับ

ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง

การฉีดโบท็อกฉีดไม่ถูกตำแหน่งมักพบในคนไข้ท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอ เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้องจะทำให้โบท็อกมีการกระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่น เกิดผลข้างเคียง เช่น คิ้วตก ตาตก ยื้มแข็ง ยิ้มเบี้ยว เป็นต้นครับ

ซึ่งหากเกิดอาการคิ้วตก ตาตก ยิ้มเบี้ยวแล้ว จะไม่มีตัวยาแก้นะครับ ต้องรอประมาณ 6 เดือนให้ฤทธิ์โบท็อกสลายไปเองจึงจะหายครับ

อักเสบติดเชื้อ

สำหรับการอักเสบติดเชื้อจากการฉีดโบท็อกอันที่จริงแล้วพบได้น้อยมากครับ ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นในท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ซึ่งอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการฉีดแบบปลอดเชื้อ( sterilization ) ที่ดี จะใช้เข็มที่ไม่สะอาดไม่มีกระบวนการฆ่าเชื้อที่ผิวหนังก่อนกันทำการฉีด เหล่านี้อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ครับ

ดังนั้นทางที่ดีหมอแนะนำว่าหากคนไข้ต้องการรับบริการ Botox ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานแพทย์ที่มีความชำนาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย จะปลอดภัยที่สุดครับ

ฉีดโบท็อก เหมาะกับใคร

ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดโบ

การฉีดโบท็อกเหมาะสำหรับคนไข้ที่

  • ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูสวยงามได้สัดส่วนมากขึ้น
  • ต้องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
  • ต้องการปรับสัดส่วนของร่างกายให้ดูสวยงามมากขึ้นได้ด้วยเช่นกันครับ
  • คนไข้กลุ่มที่ต้องการฉีดโบท็อกเพื่อการรักษาโรค เช่น ไมเกรน อาการหนังตากระตุก เป็นต้นครับ

สำหรับช่วงอายุที่เริ่มทำโบท็อกสำหรับด้านความงามแนะนำว่าสามารถทำได้ในท่านที่อายุ 18 ปีขึ้นไปครับ แต่ถ้ายังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ควรต้องมีผู้ปกครองเซ็นต์ยินยอมก่อนรับบริการด้วยนะครับ

ใครที่ไม่ควรฉีดโบท็อก

หมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกในท่านที่

  • กำลังตั้งครรภ์
  • กำลังให้นมบุตรอยู่
  • ท่านที่มีสภาวะผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายร่วมกับกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Disorder) เช่น โรค Myasthenia Gravis
  • ท่านที่มีโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) ครับ

เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อก

สำหรับการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกไม่ได้ถือเป็นข้อบังคับที่จะต้องทำอย่างเคร่งครัดนะครับ หากท่านใดไม่สะดวกที่จะปฏิบัติตามนี้ก็ยังสามารถเข้ารับการฉีดโบท็อกได้ตามปกติครับ

เพียงแต่หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้จะช่วยให้ผลการรักษาเป็นไปได้อย่างดีที่สุด และสามารถลดผลข้างเคียงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดจากการฉีด เช่น รอยฟกช้ำ รอยเข็ม ให้มีโอกาสเกิดน้อยลงได้มากที่สุดครับ

โดยวิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก มีดังนี้

  • หากเป็นไปได้ ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen, Naproxen, วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
  • หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
  • ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปากควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา เพราะคุณหมออาจจะพิจารณา ให้ยาป้องกันการกำเริบของโรคเริม หลังฉีดได้ในบางท่านครับ
  • หากเป็นไปได้ให้วางแผนรับบริการ Botox ก่อนงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงาน หรือก่อนไปเที่ยวสักอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เผื่อกรณีที่หลังฉีดมีรอยฟกช้ำจะได้มีเวลาหายทันครับ

ขั้นตอนการฉีดโบท็อก

สำหรับท่านที่สนใจอยากรับบริการฉีดโบท็อกซ์แล้ว ก็คงอยากทราบถึงขั้นตอนการฉีดโบท็อกว่าเป็นอย่างไรบ้างใช่ไหมครับ หมอขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วขั้นตอนการฉีดโบท็อกนั้นไม่ยุ่งยากเลยครับ ถ้าแจกแจงเป็นลำดับได้ดังนี้ครับ

ขั้นตอนที่ 1 ปรึกษาแพทย์

ฉีดโบท็อก ปรึกษาแพทย์

คนไข้จะได้เข้าพบคุณหมอและขอคำปรึกษา คุณหมอประเมินความต้องการของคนไข้และแนะนำตำแหน่งที่ควรฉีดโบท็อก ปริมาณยูนิตที่ใช้ รวมถึงแนะนำแบรนด์ของโบท็อกที่ใช้ เพื่อให้คนไข้ได้ตัดสินใจเลือกก่อนทำการรักษาครับ

ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้า

ฉีดโบท็อก ทำความสะอาดหน้า

เมื่อคนไข้ตัดสินใจเลือกรับบริการแล้วคุณหมอก็จะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลคนไข้โดยจะทำการคลีนเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกให้สะอาด เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการลงยาชาในลำดับถัดไป

ขั้นตอนที่ 3 ทายาชา – เช็ดยาชา

ฉีดโบท็อก ยาชา

ต่อมาจะทำการลงยาชาทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายมากขึ้นเวลาฉีดครับ และจะทำการเช็ดยาชาออกให้สะอาดอีกครั้ง และเชิญคนไข้ไปที่ห้องฉีด

ขั้นตอนที่ 4 เช็คผลิตภัณฑ์

ขั้นตอนการฉีดโบท็อก

เมื่อเข้ามาในห้องฉีด คุณหมอจะนำผลิตภัณฑ์มาแนะนำให้คนไข้ เพื่อเช็คว่าเป็นโบท็อกของแท้ ตรวจสอบได้ รวมถึงแกะกล่องผสมยาต่อหน้า 

ขั้นตอนที่ 5 มาร์คจุดตำแหน่งฉีด

ฉีดโบท็อก มาร์คจุด

หลังจากเตรียมยาเสร็จ คุณหมอจะเริ่มทำการมาร์คตำแหน่งฉีดบนใบหน้าเพื่อเป็นไกด์ไลน์ก่อนทำการฉีดจริงครับ

ขั้นตอนที่ 6 ทำการฉีดโบท็อก

ขั้นตอนฉีดโบ

เมื่อทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยคุณหมอจะทำการฉีดโบท็อกตามตำแหน่งที่ได้ไกด์ไลน์ไว้ ใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 10-15 นาทีก็เป็นอันเสร็จครับ

ขั้นตอนที่ 7 แนะนำการดูแลหลังฉีด

ฉีดโบท็อก ดูแลตัวเอง

เมื่อฉีดโบท็อกเสร็จเรียบร้อย พนักงานจะแนะนำวิธีการดูแลตนเอง ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม หลังการฉีดโบท็อก ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่ง เพราะอาจมีผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดครับผม

ขั้นตอนที่ 8 นัดหมายเพื่อเช็คอัพ

ฉีดโบท็อกซ์

ปกติที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะมีการนัดคนไข้กลับมาตรวจเช็คซ้ำอีกรอบนึงที่ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อเช็คอัพและอาจจะมีการฉีดโบท็อกเติมให้บางจุดเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบครับ

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดโบท็อกซ์

สำหรับข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกที่หมอแนะนำ มีดังนี้ครับ

  • หลังฉีดโบท็อก 1-2 ชั่วโมงแรก พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกกระจายเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
  • หลังการฉีด 4 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือนอนราบ
  • 1 สัปดาห์หลังการรักษา อย่านวด กด หรือกระทำการอันใดที่จะมีผลต่อบริเวณที่รักษาเป็นเวลา เช่น สวมหมวก สวมหมวกกันน็อค หรือนวดหน้า
  • ในช่วง 1 สัปดาห์หลังฉีด งดการอยู่ในที่ร้อนเช่น อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน หรือการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ
  • หลังการรักษาสามารถใช้เครื่องสำอางได้ แต่ควรเบามือ หลีกเลี่ยงการกดถูรุนแรง
  • สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้ โดยรอยนูนจากการฉีดจะหายไปเอง ภายในเวลา 1-7 วัน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป อย่างน้อย 3-7 วัน
  • หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ให้ติดต่อทางคลินิกหรือกลับมาพบคุณหมอครับ

หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไร

7 อย่างสำคัญที่ห้ามทำช่วงหลังฉีดโบท็อก มีดังนี้ครับ

  1. ห้ามถู นวดใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณจุดที่ฉีด เพื่อให้รอยเข็มหายเร็ว หากถูนวดตรงรอยเข็มอาจทำให้ระคายเคืองและแดงขึ้น หรือทำให้เกิดรอยฟกช้ำ
  2. นอนหรือคว่ำหน้าหลังฉีด อย่างน้อยควรรอสัก 4 ชั่วโมงก่อนจึงจะนอนได้ครับ
  3. ออกกำลังกายหนักๆ ควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอทุกชนิด เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เข้าคลาสแดนซ์ เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดการเจ็บ และขัดขวางการออกฤทธิ์ของโบท็อกต่อจุดที่ฉีดได้ครับ
  4. ดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ไวน์ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยฟกช้ำตามจุดที่ฉีดได้ โดยควรเลี่ยงการดื่มอย่างน้อย 3-7 วันครับ
  5. ยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกง่าย ได้แก่ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันตับปลา น้ำมันอีฟนิ่งพรีมโรส เป็นต้น ก็สามาถทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายเช่นกัน ควร
  6. งดอย่างน้อย 3-7 วันหลังฉีดครับ
  7. งดล้างหน้าและทาครีม หลังฉีดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ให้รอยเข็มสมานดีก่อนเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อครับ
    หลบแดด เลี่ยงความร้อน แสงแดดและความร้อนอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ รอยเข็มอาจบวมขึ้นหรือแดงนานกว่าที่ควร จึงควรเลี่ยงอย่างน้อย 1 สัปดาห์ครับ

ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล

ฉีด botox

สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล? โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีครับ

  • การฉีดโบท็อกที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา คนไข้สามารถเริ่มสังเกตเห็นผลได้หลังฉีดประมาณวันที่ 3 และผลจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์สูงสุดอยู่ที่ประมาณวันที่ 7 หลังฉีดครับ
  • ส่วนการฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม หรือบริเวณน่อง จะใช้เวลาในการเห็นผลช้ากว่าครับ โดยส่วนใหญ่หลังฉีดคนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นผลที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลลัพธ์ได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2 เดือนครับ

ฉีดโบท็อกแล้วจะมีผลอยู่ได้นานเท่าไหร่

โดยทั่วไปฤทธิ์ของโบท็อกจะอยู่ประมาณ 4-6 เดือนครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยได้เช่นกัน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์

ระยะเวลาการเห็นผลขึ้นกับหลายปัจจัยครับ ได้แก่

  • แบรนด์ของโบท็อกที่เลือกใช้

เนื่องจากโบท็อกแต่ละแบรนด์จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ในแง่ของการออกฤทธิ์ก็เช่นเดียวกันแต่ละแบรนด์ก็จะมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ไม่เท่ากันครับซึ่งรายละเอียดหมอได้สรุปเอาไว้ในหัวข้อของ Botox แต่ละแบรนด์ไว้เรียบร้อยแล้วครับ

  • โดสที่ฉีด

แน่นอนว่าปริมาณโดสของโบท็อกที่ใช้ย่อมมีผลกับระยะเวลาในการออกฤทธิ์ หากเราใช้โดสน้อยผลลัพธ์ก็ย่อมจะอยู่ได้นานน้อยกว่า

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใช้ dose สูงมากๆจนเกินพอดีในกล้ามเนื้อแต่ละมัดนะครับกล้ามเนื้อแต่ละมัดนั้นจะมีปริมาณโดสที่เหมาะสมที่ควรฉีดอยู่ในระดับประมาณนึง ที่หากเราฉีดเกินจากนี้ก็จะไม่ได้อยู่นานขึ้นนะครับ

ยกตัวอย่างเช่น กล้ามเนื้อหน้าผาก ปกติขนาดของยาที่แนะนำคือสูงสุดไม่ควรมากเกิน 20-30 ยูนิต หากเราฉีดเกินจากนี้ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่นานขึ้นครับ

  • ความเข้มข้นของตัวยา (ใส่น้ำเกลือมากหรือน้อย)

เทคนิคการผสมยาเพื่อให้ได้โบท็อกที่มีความเข้มข้นแตกต่างกันก็มีผลที่จะทำให้ระยะเวลาที่ตัวโบท็อกออกฤทธิ์นานแตกต่างกันเช่นกันครับ

ในบางครั้งที่คนไข้ต้องการผลลัพธ์การฉีดโบท็อกที่ดูเป็นธรรมชาติมากๆไม่ต้องการความแข็งตึงคุณหมอบางท่านก็จะใช้เทคนิคการผทสมยาในปริมาณยูนิตเท่าเดิมแต่ให้มีความเข้มข้นน้อยลงก็คือผสมน้ำเกลือมากขึ้นแต่ตัวยายังเท่าเดิมนะครับ

เทคนิคแบบนี้จะทำให้เมื่อฉีดออกมาแล้วผลลัพธ์จะดูไม่แข็งตึงมากเกินไปและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแต่อาจจะทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานน้อยลงได้ครับ

  • แนวโน้มการใช้กล้ามเนื้อมัดนั้นของแต่ละบุคคล

ในคนไข้บางท่านจะมีแนวโน้มใช้งานกล้ามเนื้อบางมัดบ่อยกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นคนไข้บางท่านมักจะชอบเผลอขมวดคิ้วโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวบ่อยๆ ลักษณะแบบนี้ทางการแพทย์เรียกว่า Hyperactive Muscle ครับ

ซึ่งการฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อที่เป็น Hyperative Muscle ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะอยู่นานน้อยกว่าปกติได้ครับ

  • สภาวะความดื้อโบท็อก

คนไข้บางท่านโดยเฉพาะท่านที่รับบริการฉีดโบท็อกมาหลายครั้งอย่างต่อเนื่องอาจจะเกิดภาวะที่โบท็อกได้โดยไม่รู้ตัว

ซึ่งบางท่านจะสังเกตได้ว่าฉีดโบท็อกช่วงหลังๆมาจะอยู่นานน้อยลงทั้งๆที่ฉีดแบรนด์เดิมมาโดยตลอด อันนี้อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าท่านมีภาวะดื้อโบท็อกก็เป็นได้ครับ

  • Lifestyle การใช้ชีวิต

นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเข้าสตีม ซาวน่าบ่อยๆ หรือการออกกำลังกายหนักๆเป็นประจำ อาจทำให้ผลลัพธ์ของโบท็อกอยู่ได้นานน้อยลงได้เช่นกันครับ

โบท็อกยี่ห้อไหนดี? ดูอย่างไรยี่ห้อไหนผ่าน อย.

โบท็อกยี่ห้อไหนดี

อันดับแรกเลยที่สำคัญที่สุดในการที่จะเลือกยี่ห้อโบท็อกที่ดีคือ Botox นั้นต้องผ่านการรับรองโดย อย แล้วครับ ดังนั้นเบื้องต้นหมอจะแนะนำโบท็อกทุกยี่ห้อที่ผ่าน อย ไทยในขณะนี้นะครับ พร้อมทั้งบอกข้อดีของแต่ละยี่ห้อ

ซึ่งเอาจริงๆ แล้วแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน อยู่ที่คนไข้จะเลือกให้ตรงกับความต้องการของตนเอง ชอบจุดดีของแบรนด์ไหนก็เลือกใช้แบรนด์นั้นได้เลยนะครับ

1. โบท็อกอเมริกา

Botox Allergan หรือ โบท็อกอเมริกา เป็น Botox ที่ถูกคิดค้นและวิจัยขึ้นเป็นยี่ห้อแรกของโลกมีงานวิจัยรับรองมากที่สุด คุณสมบัติพิเศษของโบท็อกยี่ห้อนี้คือจะมีการกระจายตัวน้อยทำให้มีความแม่นยำและออกฤทธิ์ได้ดี เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการความตึง เห็นผลอย่างชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึงประมาณ 4-6 เดือนครับ

2. โบท็อกเยอรมัน

โบท็อกยี่ห้อ Xeomin เป็นโบท็อกสัญชาติเยอรมันที่มีจุดเด่นในด้านความบริสุทธื์ 100% ปราศจาก ‘Complexing Proteins’ จึงเด่นในเรื่องไม่ก่อให้เกิดอาการดื้อโบท็อก

ในแง่คุณสมบัติ โบท็อกยี่ห้อนี้จะกระจายตัวน้อย ทำให้มีความแม่นยำ ส่วนการออกฤทธิ์จะค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการทำโบลิฟกรอบหน้า เก็บริ้วรอย ที่เน้นความธรรมชาติมากๆ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เห็นผลได้ดีในเคสที่มีการดื้อโบครับ

3. โบท็อกอังกฤษ

Dysport Botox สัญชาติอังกฤษ มีจุดเด่นในเรื่องของความเห็นผลเร็ว อาจเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 24 ชั่วโมงหลังฉีด ลักษณะการกระจายตัวของยาค่อนข้างกว้างทำให้เหมาะสำหรับการฉีดลิฟกรอบหน้าหรือกราม จะได้ผลค่อนข้างดีครับ

นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของ Unit ของ Botox ยี่ห้อนี้จะนับไม่เหมือนแบรนด์อื่น โดยคร่าวๆประมาณ 250 ยูนิตของโบท็อกยี่ห้อ Dysport เท่ากับ 100 ยูนิตของแบรนด์อื่นครับ

4. โบท็อกเกาหลี

ในปัจจุบันโบท็อกจากประเทศเกาหลีมีหลายยี่ห้อที่ผ่าน อย ไทย ดังนี้ครับ

  • Hugel Toxin เป็นโบท็อกเกาหลีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความตึงครับ เห็นผลดีค่อนข้างชัดเจนและคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อที่ส่วนตัวหมอรู้สึกว่าค่อนข้างมีความเสถียรในแง่ของผลลัพธ์มากเป็นอันดับต้นๆ หากเทียบกับโบท็อกเกาหลีแบรนด์อื่นๆครับ
  • Nabota เป็นโบท็อกเกาหลีที่มีคุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับ Botox Allergan มากที่สุด ในแง่ของคุณสมบัติ ตัวยาแบรนด์นี้จะค่อนข้างตึงดี ผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 4-6 เดือนครับ
  • Aestox โบท็อกเกาหลีอีกแบรนด์ที่มีจุดเด่นในแง่ของความเป็นธรรมชาติ ตึงกำลังดี การกระจายตัวของยาไม่กว้างมากนัก ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนครับ
  • Clodew โบท็อกสัญชาติเกาหลีอีก 1 แบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก ตัวนี้เน้นจุดเด่นความเป็นธรรมชาติไม่แข็งตึงเกินไป ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนครับ

5. โบท็อกฮ่องกง

BTXA โบท็อกฮ่องกงที่มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศจีน แบรนด์นี้มีจุดเด่นในเรื่องของราคาที่จับต้องได้แล้วก็โดดเด่นในเรื่องของความตึงเหมาะสำหรับท่านที่ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนครับ

โดยสรุปจะเห็นได้ว่าโบท็อกในประเทศไทยมีหลายแบรนด์เลยที่ผ่าน อย แล้ว โดยสามารถเช็คผ่านเว็บของทาง อย ได้โดยตรง (คลิกที่นี่ได้เลยครับ) ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป การจะตัดสินใจเลือกฉีดแบรนด์ไหนก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคลครับ

แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อเลือกแบรนด์แล้วต้องมั่นใจว่าตัวยาที่ใช้นั้นเป็นของแท้จริงๆ ซึ่งเดี๋ยวหมอจะมีบทความแยกเพื่อสอนวิธีดูโบท็อกของแท้แต่ละยี่ห้อให้นะครับ

ฉีดโบท็อกราคาเท่าไหร่

สำหรับราคาในการฉีดโบท็อก จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยครับ เพราะโบท็อกแต่ละยี่ห้อจะมีราคายูนิตไม่เท่ากันอยู่แล้ว และในการฉีดแต่ละจุด ในแต่ละท่านก็ใช้จำนวนยูนิตที่ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยทั่วไปราคาก็จะคิดตามยูนิตครับ

นอกจากนี้หากเทียบราคา Botox ยี่ห้อเดียวกันในแต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่ไม่เท่ากันอีก ดังนั้นคนไข้จึงจำเป็นต้องพิจารณาเลือก โดยคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวที่กล่าวมาทั้งหมดครับ

อย่างที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะมีราคาให้คนไทยเลือกหลายแบบ มีทั้งราคาที่คิดตามจำนวนยูนิตจริงที่ใช้ ซึ่งมักจะแนะนำในท่านที่ต้องการฉีดบนใบหน้าเพียง 1-2 ตำแหน่งเท่านั้นครับ

และมีราคาที่คิดเป็นแบบ Package ซึ่งมี 2 แพ็คเกจให้เลือกครับ ได้แก่

  • แพ็คเกจ “All about Wrinkles” สำหรับฉีดริ้วรอย หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา 3 จุดแบบไม่จำกัดยูนิต
  • แพ็คเกจ “M V Shape” สำหรับฉีดลดกรามแบบไม่จำกัดยูนิต แบบแพ็คเกจนี้จะเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการฉีดเน้นเฉพาะตาม Package ครับผม
โบท็อก ราคา

และสุดท้ายจะเป็นราคาแบบเหมาขวด 100 ยูนิต “Full Bottle Package” ซึ่งสำหรับท่านที่ต้องการฉีดหลายตำแหน่งหมอแนะนำว่าฉีดแบบนี้จะดีที่สุดครับ เพราะเราจะได้ใช้โบท็อกขวดนี้เป็นของเราเองทั้งขวด ได้ปรับทั้งริ้วรอยและรูปหน้าไปพร้อมๆกันทั่วใบหน้า และนอกจากนี้ราคาแบบเหมาขวดนี้ทางเอ็มวีต้าคลินิกจะพิเศษมีโปรโมชั่นแถมเมโสแฟตให้อีกสองโดสอีกด้วยครับ ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์มากที่สุดครับผม

ฉีดโบท็อกที่ไหนดี

ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะราคาไม่สูง มีความปลอดภัย เห็นผลเร็ว ในการช่วยลบเลือนริ้วรอย ปรับหน้าเรียว และแก้ไขปัญหาส่วนอื่นๆ ของร่ายกาย และคลินิกที่ให้บริการฉีดโบท็อกนั้นก็มีมากมาย ในการที่คนไข้จะตัดสินใจเลือกรับบริการฉีดโบท็อกที่ไหนดีนั้น มาดูกันครับว่าควรเลือกจากอะไร

  • ข้อแรก ตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าคลินิกนั้น ได้เปิดอย่างถูกต้อง ได้รับรองภายใต้กระทรวงสาธาณสุขหรือไม่ สำคัญที่สุดที่ต้องดู สามารถตรวจสอบได้จาก ป้ายชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลัก และชื่อแพทย์ โดยเช็คได้จาก https://checkmd.tmc.or.th/ ครับ
  • คลินิกควรสะอาด ปลอดภัย พื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด
  • ฝีมือ และ ประสบการณ์ของแพทย์สำคัญมากๆครับ ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะฉีดโบท็อกได้ และไม่มีพนักงานหรือพยาบาลเป็นผู้ฉีดโบท็อกให้นะครับ เทคนิกการฉีดมีความสำคัญ จึงควรเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มายาวนานเท่านั้น เพราะจะต้องมีความแม่นยำในการฉีด และต้องประเมินจำนวนยาที่ใช้ในแต่ละจุดได้อย่างเหมาะสมครับ
  • ทีมแพทย์ที่มีความรู้เป็นอย่างดี สามารถประเมินใบหน้าอย่างเชี่ยวชาญ และแนะนำการรักษาที่เหมาะสม ไม่ Hard Sell จนเกินไป สามารถออกแบบและประเมินใบหน้าในสัดส่วนที่พอดี และเป็นธรรมชาติ สิ่งไหนควรทำ หรือไม่ควรทำ ต้องแนะนำอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจครับ
  • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อของโบท็อก ที่ผ่าน อย. และตรวจสอบได้ แน่ใจว่าคลินิกนั้นยินดีให้ตรวจสอบยา และเปิดกล่องผลิตภัณฑ์ต่อหน้า กล่องใหม่ ที่สะอาด ปลอดภัย และไร้สิ่งเจือปน
  • ราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ปริมาณในการใช้ ควบคู่ไปกับราคาที่เหมาะสมครับ
  • รีวิว ที่น่าเชื่อถือ และเป็นรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริง สามารถตรวจสอบได้จากทุกช่องทาง ที่สามารถเขียนรีวิวได้ เพื่อให้มีความมั่นใจในการเข้าไปรับบริการครับ
  • มีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว

ทำไมต้องฉีดโบท็อกที่ Mvita Clinic

ฉีดโบท็อกที่ไหนดี
  • เอ็มวีต้า คลินิก มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง และตัวหมอเอง นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง (เอ็มวีต้าคลินิกเวชกรรม เลขที่ใบอนุญาต : 10101007357)
  • ตัวหมอเอง มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกมายาวนานถึง 14 ปี มีเทคนิคพิเศษในการฉีดในแต่ละตำแหน่งเป็นเทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และไม่เกิดผลข้างเคียงครับ
  • มีบริการดูแลหลังฉีดที่ดี โดยจะมีนัดเช็คอัพที่ 2 สัปดาห์หลังฉีด และหากมีจุดใดที่ต้องฉีดเพิ่ม หมอยินดีดูแลให้เพื่อผลลัพธ์ที่เพอร์เฟคครับ
  • ที่ เอ็มวีต้า คลินิก จะประเมินใบหน้าโดยแพทย์ทุกเคส และไม่มีพนักงาน Hard Sell คุณหมอจะแนะนำตำแหน่งที่ควรฉีด และไม่ควรฉีดอย่างเหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่านครับ
  • ที่ เอ็มวีต้า คลินิก ใช้โบท็อกของแท้ รับจากบริษัทนำเข้าอย่างถูกต้อง ยินดีให้ตรวจสอบก่อนฉีดให้คนไข้ทุกเคส สามารถเช็คชื่อคลินิกได้ที่ Website ของแต่ละแบรนด์ได้ครับ
  • อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ที่ เอ็มวีต้า คลินิก สะอาด ทันสมัย พร้อมใช้งาน และมีตัวช่วยในการลดความเจ็บขณะฉีด ด้วยการลงยาชาก่อนฉีดทุกเคส โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีเครื่องเป่าลมเย็นลดอาการเจ็บ เครื่องสั่นลดการเจ็บ และตัว Vein Viewer ส่องเส้นเลือด เพื่อลดการโดนเส้นเลือดขณะฉีด ทำให้บวมน้อย ช้ำน้อยที่สุดครับผม
  • รีวิวจากทางคลินิก เอ็มวีต้า คลินิก รีวิวจากผู้ได้รับการรักษาจริง ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากทาง Facebook, Google Map, Wongnai, Website รวมคลินิก และรีวิวจากคลินิกเอง เป็นรีวิวจากลูกค้าที่เข้ามารับบริการจริงครับผม
  • รางวัลการันตี ที่ เอ็มวีต้า คลินิก โดย หมอเอ็ม นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล ได้รับรางวัล และใบ Certificate มากมาย ยืนยันและการันตีในคุณภาพ และการให้บริการครับ

คำถามที่พบบ่อย

ฉีดโบท็อกแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโบท็อกนั้น โดยปกติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ยี่ห้อที่ฉีด ขนาดของยูนิตที่ใช้ เทคนิคในการฉีด และนอกจากนี้ปัจจัยในส่วนของคนไข้แต่ละท่านก็มีผลต่อระยะเวลาของโบท็อกเช่นกัน ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วอย่างละเอียดในหัวข้อด้านบนครับ

ซึ่งโดยปกติแล้วระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 เดือนครับผม

แพ้โบท็อก ดูอย่างไร

สำหรับอาการแพ้โบท็อก ถึงแม้ว่าจะเกิดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่าพบน้อยมากๆครับ ในประเทศไทยเท่าที่หมอทราบยังไม่เคยพบคนไข้ที่มีอาการแพ้โบท็อกเลยครับ ส่วนในต่างประเทศ จนถึง ณ วันนี้ก็พบรายงานเคสที่แพ้เพียง 1-2 เคส ตั้งแต่มีการฉีดโบท็อกมาอย่างยาวนานทั่วโลกครับ

สำหรับอาการที่เป็นลักษณะของการแพ้โบท็อก มีดังต่อไปนี้ครับ

  • ปากบวม คอบวมหรือใบหน้าบวมขึ้น
  • หายใจลำบาก
  • หอบหืด
  • คัน หรือมีผื่นลมพิษ

ซึ่งอาการแพ้หากเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต สามารถรักษาได้ครับ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพบได้น้อย ในทางปฏิบัติจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจอาการแพ้ต่อโบท็อกในคนไข้ก่อนฉีด และหมอขอยืนยันเลยว่าคนไข้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการแพ้โบท็อกนะครับ เพราะโอกาสเกิดน้อยมากจริงๆครับ

โบท็อกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร

โบท็อกกับฟิลเลอร์ มีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

  • โบท็อก มีคุณสมบัติหลักๆ ของโบท็อกก็คือ การลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย นิยมในการฉีดโบกรามเพื่อลดสัดส่วนบนใบหน้า ลดการทำงานกล้างเนื้อบ่า น่อง หรือโบท็อกรักแร้ลดการทำงานของต่อมเหงื่อใต้วงแขน เป็นต้นครับ
  • ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็ม เพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป ไม่ได้รูป เช่น บริเวณใต้ตาที่ดำคล้ำ ลึก ใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มได้ครับ บริเวณร่องแก้ม ร่องขมับลึก หรือเติมเต็มริมฝีปากให้ได้รูปสวยงาม เป็นต้นครับ

โบท็อกอเมริกาต่างจากโบท็อกเกาหลีอย่างไร

โบท็อกอเมริกาและเกาหลี แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นต่างกันไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ความบริสุทธิ์ของตัวยา protein complex ระยะเวลาที่ออกทธิ์ ขนาดของยูนิต ราคา รวมถึงความต้องการในการฉีดรักษาแต่ละบริเวณ สามารถเปรียบเทียบกันได้ดังนี้ครับ

  • โบท็อกอเมริกา Allergan Botox : มีความบริสุทธิ์มากลดโอกาสในการดื้อยาได้ครับ มีการออกฤทธิ์ที่แม่นยำ ตัวยาเมื่อฉีดแล้วจะกระจายตัวน้อย ระยะเวลาออกฤทธิ์นานกว่าโบท็อกเกาหลี คือประมาณ 4-6 เดือนครับ แต่ราคาจะค่อนข้างสูง
  • โบท็อกเกาหลี Hugel Toxin : ออกฤทธิ์ไวกว่าโบท็อกอเมริกาเล็กน้อย เห็นผลไวปลอดภัยจากสารปนเปื้อน ป้องกันการดื้อยาได้ในระดับนึง อยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือนครับ

รีวิวโบท็อก

รีวิวโบท็อก

รีวิวโบท็อกกราม

รีวิวโบท็อกริ้วรอย

รีวิวโบท็อกลิฟกรอบหน้า

ข้อสรุป

จะเห็นได้ว่าการฉีดโบท็อกสามารถรักษาปัญหา ทั้งด้านความงามและโรคบางชนิดอย่างได้ผลดี และปลอดภัยมากๆหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย อีกทั้งขั้นตอนการรักษาก็ใช้เวลาไม่นาน ด้วยครับ

หากท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ อยากเข้ารับบริการโบท็อก หรือหากอยากต้องการประเมินผิวหน้า สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

เอกสารอ้างอิง

วันเผยแพร่

ปรึกษาทุกปัญหาความงามกับคุณหมอโดยตรง

    ชื่อ-สกุล*:

    เบอร์ติดต่อกลับ*:

    อีเมล์สำหรับส่งข้อมูล *

    เพศ:

    ชายหญิง

    อายุ (ปี):


    ต้องการปรึกษาคุณหมอเรื่องใด*: