หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง และควรกินอะไรบ้าง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง และควรกินอะไรบ้าง?

หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง และควรกินอะไรบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการเติมเต็มร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ที่ M VITA Clinic เราได้คัดสรรฟิลเลอร์จากแบรนด์ชั้นนำเพื่อผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์  แต่สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามคือการดูแลตัวเองหลังฉีด โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวและความอยู่ทนของฟิลเลอร์ วันนี้ หมอเอ็ม จาก M VITA Clinic เลยจะพาทุกคนไปดูกันครับว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไรบ้าง และควรกินอะไรบ้าง เพื่อฟื้นฟูผิวให้เข้าที่เร็วขึ้น และคงผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ให้อยู่ทนนานมากขึ้นครับ

ทำไมต้องระวังเรื่องอาหาร หลังฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์ ผิวของเราต้องการเวลาในการฟื้นฟู ในขณะที่หลังฉีดฟิลเลอร์ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อให้เข้าที่อย่างสมบูรณ์ โดยที่ M VITA Clinic แพทย์ผู้มีประสบการณ์ของเราจะคอยให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองอย่างละเอียด เพราะอาหารบางชนิดอาจไปกระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดอาการบวม หรือส่งผลให้ฟิลเลอร์ละลายเร็วกว่าปกติได้ ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและอยู่ได้นานที่สุดได้ครับ

ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร

หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

1. อาหารรสจัดและเผ็ด

อาหารรสจัดและเผ็ด

ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ทั้งเผ็ด เค็ม และหวานจัด อย่างน้อย 3-7 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้เกิดการอักเสบและบวมได้ง่าย อาหารที่มีรสหวานจัดยังไปกระตุ้นการอักเสบบนผิวหน้า ส่งผลให้รอยเข็มหายช้าอีกด้วย

2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ หรือไวน์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือดีที่สุดคือ 14 วัน เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดรอยช้ำและบวมได้ง่าย และยังอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าปกติด้วย

3. อาหารหมักดอง และอาหารเค็ม

อาหารหมักดอง และอาหารเค็ม

อาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง และผักดองต่างๆ ควรงดในช่วง 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนจากกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด ซึ่งอาจไปกระตุ้นการอักเสบและการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ อาหารประเภทนี้มักมีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายบวมน้ำ และส่งผลให้อาการบวมหายช้า

4. อาหารแข็ง เคี้ยวยาก

อาหารแข็ง เคี้ยวยาก

โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องเคี้ยวมากหรือกัดแรงๆ เช่น อาหารเหนียวๆ ขนมปังแข็ง หรือเนื้อชิ้นใหญ่ ประมาณ 3-5 วัน เนื่องจากการเคี้ยวแรงๆ อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว หรือทำให้ปากบวมมากขึ้นได้

5. คาเฟอีน เช่น กาแฟและชา

คาเฟอีน เช่น กาแฟและชา

ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 2-3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากคาเฟอีนทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และอาจส่งผลให้เกิดการบวมและรอยช้ำมากขึ้น สำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนจัดทุกประเภทอย่างน้อย 3 วัน

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง?

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรกินอะไรบ้าง

หลังฉีดฟิลเลอร์ อาหารที่ควรรับประทานเพื่อฟื้นฟูผิวและยืดอายุฟิลเลอร์ให้นานขึ้น ได้แก่

1. ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ช่วยเสริมกระบวนการฟื้นตัวของผิวหลังการฉีดฟิลเลอร์  นอกจากนี้ วิตามินซียังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดการระคายเคืองและบรรเทาอาการบวมได้ 

แนะนำให้รับประทานผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ กีวี รวมถึงผักที่มีวิตามินสูง เช่น คะน้า บรอกโคลี ผักโขม พริกหวานสีแดงและสีเหลือง เป็นต้น    

2. อาหารที่มีโอเมก้า-3

กรดไขมันโอเมก้า-3 มีคุณสมบัติลดการอักเสบที่ถือว่าโดดเด่นมาก งานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นพบว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูงสามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อาการบวมและรอยช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบภายในร่างกาย 

แนะนำให้รับประทาน ปลาทะเลลึก ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน เมล็ดธัญพืช เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท อะโวคาโด รวมถึงใช้น้ำมันที่มีโอเมก้า-3 อย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันอะโวคาโด ในการปรุงอาหารได้

โดยที่ M VITA Clinic เราจะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมโอเมก้า-3 คุณภาพสูงเพิ่มเติมในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ก่อน เพื่อเร่งการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น

3. โปรตีนคุณภาพสูง

โปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ การเพิ่มปริมาณโปรตีนคุณภาพดีในอาหาร จะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิวหนังหลังการฉีดฟิลเลอร์ ลดระยะเวลาการเกิดรอยช้ำ และช่วยป้องกันการติดเชื้อได้

แนะนำให้รับประทาน เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น อกไก่ เนื้อปลาทะเล เนื้อวัวส่วนสันใน ไข่ เต้าหู้ เทมเป้ ถั่วชนิดต่างๆ ควินัว นมและผลิตภัณฑ์จากนม โดยในช่วงหลังฉีดฟิลเลอร์ 1-2 สัปดาห์แรก แนะนำให้เพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหารอย่างน้อย 20-30% จากปริมาณที่รับประทานปกติได้เลย

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เนื่องจากฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ส่วนใหญ่มีองค์ประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้ HA ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

คำแนะนำในการดื่มน้ำคือ ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน โดยเริ่มต้นวันด้วยการดื่มน้ำอุ่น 1-2 แก้วเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ สามารถเสริมด้วยน้ำสมุนไพรที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบได้ เช่น ดื่มน้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก หรือน้ำแตงกวา

สรุปหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร และควรกินอะไรบ้าง

สรุปหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร และควรกินอะไรบ้าง

การรู้ว่าฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวและความอยู่ทนของฟิลเลอร์ อาหารต้องห้า หลังฉีดฟิลเลอร์ที่เราแนะนำไว้นั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อาหารแข็ง และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ล้วนมีผลต่อการอักเสบและอาการบวมทั้งสิ้น ในทางกลับกัน การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวและยืดอายุฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำ หลังฉีด Filler ห้ามกินอะไร จาก M VITA Clinic เท่านี้คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติตามที่ต้องการแล้วที่ M VITA Clinic เรามุ่งมั่นให้บริการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง BeloteroRestylane Juvederm ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ปากฟิลเลอร์ใต้ตาฟิลเลอร์คาง หรือ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ก็มั่นใจได้ในคุณภาพ และนอกจากจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างการทำหัตถการแล้ว เรายังให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างละเอียดด้วย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและอยู่ได้นานที่สุด หากมีข้อสงสัยหรือพบอาการผิดปกติใดๆ ก็สามารถติดต่อแพทย์ของ M VITA Clinic ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอน เพื่อความงามอย่างปลอดภัย

ปรึกษาทุกปัญหาความงามกับคุณหมอโดยตรง

    ชื่อ-สกุล*:

    เบอร์ติดต่อกลับ*:

    อีเมล์สำหรับส่งข้อมูล *

    เพศ:

    ชายหญิง

    อายุ (ปี):


    ต้องการปรึกษาคุณหมอเรื่องใด*:

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษา นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า