สวัสดีครับ หมอชื่อ หมอเอ็มหรือนายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำเอ็มวีต้าคลินิก ครับ วันนี้หมอจะมาพูดถึงเรื่อง ร่องแก้มลึก ซึ่งเป็นอีกปัญหาที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ลง ทำให้หลายคนกังวลใจ บางคนก็มองว่าร่องแก้มทำให้โหงวเฮ้งไม่ดี แต่จะแก้ด้วยการทาครีมอย่างไรก็ไม่หาย โดยบทความนี้จะรวมรายละเอียดครอบคลุมทุกประเด็น เช่น ร่องแก้ม มีสาเหตุอย่างไร วิธีแก้ไขร่องแก้มลึกทำไงดี การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยแก้ไขร่องแก้มลึกได้ วิธีการรักษาแบบนี้ดีไหม เห็นผลอย่างไร ที่ไหนดี เรามีคำตอบให้พร้อมรีวิวด้วยครับ
สารบัญ
- ร่องแก้มลึก ปัญหาที่น่ากังวลใจ
- ร่องแก้มลึก รักษาอย่างไร
- ร่องแก้มลึก มีหลายสาเหตุ ต้องรักษาให้ถูกจุด จึงจะเห็นผล
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ตัวไหนดี
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องใช้กี่ ซีซี
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เจ็บหรือไม่
- ขั้นตอนการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- เทคนิคพิเศษ ในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ของเอ็มวีต้าคลินิก
- ความสมมาตร
- รักษาตามสาเหตุของปัญหาร่องแก้ม
- หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะเริ่มเห็นผลเมื่อไหร่
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อยู่ได้นานแค่ไหน
- ข้อควรปฏิบัติ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ข้อห้าม ข้อควรปฏิบัติ หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- วิธีดู ฟิลเลอร์ ของแท้ อย ดูอย่างไร
- รีวิว ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่เอ็มวีต้าคลินิก
ร่องแก้ม เป็นปัญหาทางด้านความงามที่พบได้บ่อยมาก และเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนไข้หลายๆท่านกังวล และมาพบหมอเพื่อให้ช่วยรักษาค่อนข้างบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียวครับ
ร่องแก้ม คือ
เส้นร่องที่อยู่บริเวณระหว่างจมูกกับมุมปาก ทั้งสองข้าง ซึ่งร่องนี้จะชัดขึ้นเมื่อเรายิ้ม ภาษาอังกฤษจึงมีชื่อเรียกว่า ร่องยิ้ม Smile lines หรือ ร่องหัวเราะ Laugh Lines ครับ
แล้วทำไมปัญหาร่องแก้มจึงเป็นปัญหาที่หลายท่านกังวล?
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเวลาที่เราส่องกระจกหรือเวลาที่เราถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองเรามักจะมองเห็นปัญหาร่องแก้มได้ง่าย เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตรงบริเวณช่วงกลางใบหน้าและกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก และแถมการแต่งหน้าก็ไม่ค่อยช่วยกลบร่องแก้มให้หายไปด้วยนั่นเองครับ

วิธีการรักษาร่องแก้มที่ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ดีที่สุด คือการฉีดเติมร่องแก้มด้วยสารไฮยาลูรอนิคหรือฟิลเลอร์ครับ แต่การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มนั้น ก็มีรายละเอียดในคนไข้แต่ละท่านที่แตกต่างกันไปซึ่งหมอจะอธิบายความแตกต่างนี้ในบทความส่วนถัดไปนะครับ นอกจากนี้ยังมีการรักษาเสริมที่ช่วยให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น คือ ในคนไข้ที่มีร่องแก้มจากการหย่อนคล้อยของแก้มสามารถใช้เทคโนโลยีในการยกกระชับผิวแก้มช่วยเสริมการรักษาด้วย เช่น การทำอัลเทอร่า หรือการฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับแก้มนั่นเองครับ
การรักษาร่องแก้มให้เห็นผล เราต้องเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดร่องแก้มก่อน เพราะร่องแก้มในคนไข้แต่ละท่านมีสาเหตุไม่เหมือนกัน ถ้าเข้าใจรายละเอียดตรงนี้ และแก้ปัญหาได้ถูกจุด ก็จะทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจครับ
ปัญหาร่องแก้มอาจเกิดจาก
- โครงหน้าของคนไข้ตามธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ซึ่งอาจเกิดจาก
1.1. การทำงานของกล้ามเนื้อยิ้มที่แข็งแรงบนใบหน้า จะส่งผลให้ เกิดร่องแก้มได้ง่ายขึ้น คนไข้กลุ่มนี้ จุดสังเกตง่ายๆก็คือ เวลายิ้มจะเห็นร่องแก้มคมชัด เห็นการขยับของกล้ามเนื้อตรงบริเวณร่องแก้มค่อนข้างมาก

เคสกลุ่มนี้หมอจะฉีดฟิลเลอร์เน้นระดับความลึกให้ตรงกับตำแหน่งของกล้ามเนื้อ เพื่อให้ตัวฟิลเลอร์ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อร่องแก้มลงให้พอดีขึ้นครับ
1.2. โครงสร้างของกระดูกใบหน้า คือมีกระดูกโหนกแก้ม (Cheekbones) ที่สูงกว่ากระดูกตรงบริเวณเหนือฟันบน (Maxilla) ค่อนข้างมาก จึงเกิดแอ่งบริเวณร่องแก้มขึ้น ลักษณะนี้อาจขึ้นเกิดขึ้นจากโครงหน้าแต่กำเนิด หรือในบางท่านอาจเกิดหลังจากการจัดฟัน เพราะการจัดฟันอาจมีส่วนทำให้กระดูกฟันบนยุบเข้าไปได้ในบางท่านครับ

เคสกลุ่มนี้หมอจะเน้นฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งชิดกระดูกบริเวณเหนือฟันบนหรือ Maxilla ครับ เพื่อทำการยกระดับให้แอ่งบริเวณร่องแก้มเต็มขึ้น ก็จะเป็นการรักษาที่ตรงจุดครับ
- อีกสาเหตุหนึ่งของร่องแก้มก็คือการที่เราอายุมากขึ้น ผิวมีความหย่อนคล้อยเกิดขึ้น เนื้อตรงบริเวณโหนกแก้มมีการคล้อยลงมากดตรงบริเวณร่องแก้มให้เป็นร่องมากขึ้นเรื่อยๆครับ

เคสกลุ่มนี้ควรเติมร่องแก้ม ร่วมกับการยกกระชับโหนกแก้มขึ้นครับ ซึ่งการยกกระชับโหนกแก้มสามารถทำได้ด้วยฟิลเลอร์ (มีชื่อเรียกเท่ห์ๆว่า liquid lifting/ volume lift หรือ Ogee Lift เป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณโหนกแก้มและข้างแก้มเพื่อยกกระชับใบหน้า) หรืออาจใช้การทำ Ulthera ยกกระชับแก้มได้ด้วยครับ
- ในคนไข้บางท่านอาจเป็นจากหลายๆ สาเหตุจากข้อ 1 หรือ 2 ที่กล่าวข้างต้นรวมกัน ถ้ากรณีนี้หมอก็จะรักษาแก้ปัญหาให้ครบทุกจุดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ
สำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม ตัวที่ให้ผลการรักษาที่ดี กรณีที่ร่องแก้มตื้นๆ หรือร่องแก้มที่เกิดจากกล้ามเนื้อยิ้มที่แข็งแรง หรือจากกรณีที่มีความหย่อนคล้อย ได้แก่
- Juvederm ultra plus (12 เดือน) ตัวนี้จะได้ความฟู ความชุ่มชื้นของผิวด้วยเพราะมีค่าการอุ้มน้ำสูง และโดยภาพรวมจะใช้ปริมาณ cc น้อยกว่าตัวอื่นเล็กน้อยด้วยครับ นอกจากนี้ความรู้สึกสัมผัสจะนุ่มเนียน ไม่ค่อยเป็นก้อน
- Juvederm volift (12 เดือน) ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่าคือ Vycross ให้ความรู้สึกสัมผัสนุ่มเนียน ไม่เป็นก้อนเช่นเดียวกับ ultra plus แต่ตัวนี้จะฟูน้อยกว่า แต่ช่วยยกร่องแก้มให้เต็มขึ้นชัดกว่าครับ
- Restylane refyne (12 เดือน) ด้วยเทคโนโลยี OBT ให้เนื้อสัมผัสนุ่มเนียน แต่ไม่ฟูมากนัก ตัวนี้สามารถใช้ได้คล้ายๆ Volift แต่อาจจะช่วยยกได้น้อยกว่าจึงเหมาะสำหรับฉีดร่องแก้มตื้นๆ ได้ดีครับ
- Neuramis Deep (8 เดือน) เนื้อสัมผัสค่อนข้างเฟิร์ม แต่เติมวอลุ่มได้ดี ตัวนี้ไม่ฟูมากนักและสามารถเติมได้ในร่องแก้มแบบปานกลางครับ
ส่วนสำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องของแอ่งบริเวณร่องแก้ม ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีความสามารถในการยกผิว ได้มากหน่อยเพื่อให้แอ่งเต็มขึ้น ได้แก่
- Restylane Defyne (12 เดือน) ใช้เทคโนโลยี OBT เนื้อสัมผัสเฟิร์มแต่สมูธ ช่วยยกผิวได้ดี เหมาะกับท่านที่มีแอ่งปานกลาง หรือมีผิวค่อนข้างบาง
- Restylane Lyft Lidocaine (12 เดือน) เป็น NASHA gel เนื้อสัมผัสเฟิร์ม ยกผิวได้ดีที่สุด เหมาะกับท่านที่มีแอ่งลึก หรือมีชั้นผิวที่ไม่บางครับ
นอกจากนี้ในบางท่านที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย เนื้อแก้มตกมากๆ หมออาจจะแนะนำให้ยกกระชับผิวแก้มด้วย ซึ่งอาจแนะนำให้ทำ Ultherapy ยกกระชับหน้า หรือถ้าคนไข้ท่านไหนชอบการเติมฟิลเลอร์ก็อาจใช้ฟิลเลอร์ทำ Volume Lift หมอแนะนำเป็นตัว Juvederm Voluma (24 เดือน) เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยยกผิวได้ดี จึงใช้ฉีดแก้ม และแก้มด้านข้าง ช่วยยกผิวแก้ม จึงทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และทำให้ร่องแก้มยกขึ้นด้วยครับ ซึ่งแนะนำให้ฉีดในวันเดียวกันได้เลยโดยฉีดยกแก้มก่อนแล้วจึงเติมร่องแก้มต่อได้เลยครับผม
ปริมาณซีซีที่ใช้จะขึ้นอยู่กับ ลักษณะของร่องแก้มครับ ซึ่งโดยทั่วไปหมอจะช่วยตรวจและประเมินปริมาณซีซีให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่านครับ แต่โดยทั่วไป ท่านที่มีปัญหาร่องแก้มไม่มากนัก ร่องแก้มยังไม่ค่อยลึก สามารถใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 cc ก็สามารถเติมร่องแก้มให้เต็มได้แล้วครับ ในบางท่านร่องแก้มอาจเกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อเติมร่องให้เต็ม และในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์หลายชนิด เพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด ครบทุกสาเหตุ ในท่านเหล่านี้ อาจต้องใช้ฟิลเลอร์ 2-3 cc ในการรักษาครับ
เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ เพราะสำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิก คุณหมอเอ็ม ได้ออกแบบ ระบบการควบคุมความเจ็บในขณะฉีด มาเป็นอย่างดี โดยก่อนฉีดจะมีการลงยาชาที่ผิวหนัง เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที และจะมีการสะกิดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาท ให้รู้สึกชาเป็นบริเวณกว้างด้วยครับ นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่หมอเลือกใช้ จะมียาชาผสมอยู่ด้วยดังนั้นตอนฉีดฟิลเลอร์จริงคนไข้จะแทบไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เลยครับ และหลังจากหมดฤทธิ์ของยาชาแล้ว ก็ไม่เจ็บด้วยครับ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่เอ็มวีต้าคลินิก
- เริ่มจากคนไข้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการประเมินโปรแกรม แล้วหมอจะแนะนำฟิลเลอร์ที่เหมาะสมปริมาณที่ต้องใช้
- จากนั้นจะมีการคลีนทำความสะอาดผิวบริเวณโหนกแก้มและร่องแก้ม
- ทายาชาที่ผิวไว้ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
- เมื่อครบเวลาของยาชาแล้ว เจ้าหน้าที่จะเช็ดทำความสะอาดผิวและนำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ จากนั้นคุณหมอจะทำการสะกิดยาชาเพื่อบล็อกเส้นประสาทเพียงข้างละ 1 จุดเท่านั้นซึ่งขั้นตอนนี้เจ็บน้อยมาก
- หลังจากนั้นคนไข้จะรู้สึกชามากขึ้นบริเวณโหนกแก้มและร่องแก้มภายในเวลาประมาณ 1-2 นาที ซึ่งก็จะพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์แล้วครับ เพราะหมอมีการเตรียมผิวของคนไข้ให้ชาอย่างเต็มที่เรียบร้อยตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วดังนั้นตอนที่ฉีดฟิลเลอร์คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บเลยครับ และหลังทำ ก็จะเห็นผลว่าร่องแก้มเต็มขึ้นได้ทันที
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้รับการชี้แจงรายละเอียด ข้อมูลการปฏิบัติตัวหลังเข้ารับฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด และเจ้าหน้าที่จะทำการนัดคนไข้เพื่อกลับมาให้คุณหมอตรวจประเมินผลลัพธ์อีกครั้งที่ 2 สัปดาห์
- หลังจากการฉีดครั้งแรกครับ หลังฉีดคนไข้จะยังคงมีอาการชาจากยาชาต่อไปอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งก็หมดฤทธิ์ของยาชาแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บแล้วนะครับ โดยทั่วไป มักเห็นผลการรักษาทันทีโดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับคนไข้ของเอ็มวีต้าคลินิก นอกจากการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ประเมินสาเหตุ และการรักษา ที่ถูกต้องสำหรับคนไข้แต่ละท่าน แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มของหมอ จะเน้นย้ำเพิ่มเติมในสิ่งเหล่านี้ด้วยครับ
ความสมมาตร
เพราะร่องแก้มเรามีสองข้าง ดังนั้นการเติมร่องแก้มให้เรียบเนียนขึ้นอย่างสวยที่สุดและเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องคำนึงถึงความสมมาตรของใบหน้า เติมร่องแก้มออกมาต้องดูเท่ากัน สวยสมูธที่สุดครับ โดยหมอจะมีเทคนิคในการฉีด ให้ออกมาบาลานซ์กันทั้งสองข้าง ทั้งในคนไข้ท่านที่มีร่องแก้มสมมาตรอยู่แล้ว และในท่านที่ร่องแก้มเดิมไม่สมมาตรครับ
เพื่อรักษาร่องแก้ม ให้ได้ผลดีที่สุด หมอจึงมีการประเมินสาเหตุของปัญหาร่องแก้มในคนไข้แต่ละท่าน อย่างละเอียด และรักษาให้ถูกจุดที่สุดครับ
สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์เลยครับ ว่าร่องแก้มจะเลือนหายไปในทันที และจะดูสมูธขึ้นเลยครับผม
ฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิค ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเราตามธรรมชาติอยู่แล้ว และร่างกายเรามีเอนไซม์ที่สามารถสลายมันได้เองครับ ระยะเวลาในการที่ร่างกายจะสลายฟิลเลอร์นั้น จะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด แต่โดยทั่วไปอาจกล่าวได้ว่าฟิลเลอร์ อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน ยกเว้นบางตัวอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น เช่นปีครึ่งถึงสองปีได้ ซึ่งขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ดังที่หมอได้กล่าวไว้แล้วในส่วนบนของบทความนี้ครับ
- หากเป็นไปได้ ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDS ได้แก่ ibuprofen naproxen วิตามินอีน้ำมันปลา ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
- หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปากควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา เพราะ คุณหมออาจจะพิจารณา ให้ยาป้องกันการกำเริบของ โรคเริม หลังฉีดได้ในบางท่านครับ
ทันทีหลังจากการฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการผิวหนังบวมแดง อาการคันหรือคลำได้เป็นก้อนใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติของการฉีดฟิลเลอร์ และอาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 48 ชั่วโมง แต่ในบางรายอาจมีอาการบวมนานถึง 7-10 วัน และบางรายอาจเกิดขึ้นได้หลายสัปดาห์ การดูแลด้วยการประคบเย็นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยลดอาการบวมแดงได้
โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
24 ชั่วโมงหลังจากการฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการจับ ลูบคลำหรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยา
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวภายใน 12 ชั่วโมงแรก
1 สัปดาห์หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลานานอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและช้ำได้ตามที่ต้องการ
2 สัปดาห์หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า และการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการนวดใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือบีบบริเวณที่ฉีด
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ในช่วงวันแรก หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรนอนราบ นอนตะแคง หรือเคลื่อนไหวในท่าก้มหัว ควรนั่งตัวตรง หรือยืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยา
- นอนท่าศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
- ควรนัดพบแพทย์เพื่อประเมินผลการรักษา 2 สัปดาห์หลังการฉีดฟิลเลอร์ และอาจมีการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มในกรณีที่จำเป็น
- โปรดปรึกษาแพทย์ หากเกิดข้อสงสัย หรือมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น
รีวิวคุณเอก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลังทำเห็นผลได้ทันที ครั้งล่าสุด คุณหมอเอ็มได้ฉีดร่องแก้มให้ด้วย Juvederm Ultra plus ส่วนครั้งแรกที่ทำใช้เป็นตัว Restylane ครับ




รีวิวฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยคุณหมอเอ็ม



คุณหมอเอ็ม รับรางวัลจากบริษัท Allergan (และ Medyceles (ตัวแทนจำหน่าย Neuronox)
ปี 2561
Allergan : งาน The Professionista รับรางวัลประจำปี




Medyceles : คุณหมอเอ็มได้รับเกียรติเข้าร่วมงานเปิดตัวฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ Neuramis deep


Medyceles : คุณหมอเอ็มได้รับเกียรติจากผู้แทนเชิญรางวัลมอบให้โดยตรงที่เอ็มวีต้าคลินิกครับ


ปี 2562
Allergan : คุณหมอเอ็มเข้าร่วมงานประชุมวิชาการอัพเดตความรู้เทคนิดการฉีดฟิลเลอร์แบบ MD codes distinction ซึ่งเป็นการวางระบบการฉีดให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามโดยคำนึงถึงใบหน้าองค์รวมที่ต้องมีความสมดุลกลมกลืนกันครับ


Galderma : คุณหมอเอ็มเข้าร่วมงานประชุมวิชาการของภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ที่จัดร่วมกับบริษัทกัลเดอร์มา ในหัวข้อ Empowering individual beauty เพื่ออัพเดตเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าให้สวยงามในแบบเฉพาะบุคคล ให้คนไข้สวยในแบบที่เป็นตัวเองครับ



Allergan : งาน Beauty decoded รับรางวัลประจำปี


