เมื่อเกิดปัญหาสิวแตก ไม่ว่าจะเกิดจากการเผลอไปเกา เสียดสี หรือบางครั้งสิวแตกออกมาเอง ซึ่งมาพร้อมกับเลือดที่ซึมออกมา ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้หลาย ๆ คนเกิดความกังวล กลัวว่าจะติดเชื้อเกิดรอยแผลเป็น แต่ความจริงแล้วหากเรารู้วิธีรับมือที่ถูกต้องปัญหาสิวแตก ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด บทความนี้มี 7 วิธีรับมือสิวแตก เลือดออกทำไง ตั้งแต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปจนถึงการป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
สิวแตกเองได้ไหม ทำไมถึงแตก
สิวแตกไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นกลไกหนึ่งของสิวอักเสบ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการสะสมของหนอง ไขมัน และแบคทีเรียภายในรูขุมขน จนเกิดแรงดัน ขณะเดียวกันผนังของรูขุมขนและผิวหนังชั้นบนที่ปกคลุมหัวสิวก็บางลงเรื่อย ๆ จากกระบวนการอักเสบ ทำให้สิวแตก การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกันและรับมือได้เมื่อสิวแตก เลือดออกทำไง
7 ขั้นตอนรับมือสิวแตก มีเลือดออก ทำตามนี้ผิวไม่พัง!

เมื่อเกิดปัญหาสิวแตก และมีเลือดออก หลายคนอาจจะเกิดความกังวลว่าสิวแตกทำไง สิ่งสำคัญที่สุดคือมีวิธีจัดการอย่างถูกต้องตามลำดับขั้นตอน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นและทิ้งรอยแผล ซึ่ง 7 ขั้นตอนรับมือที่เราได้รวบรวมมาช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดโอกาสการเกิดรอยดำรอยแดงได้จริง
1. อย่าเพิ่งบีบเค้นเพิ่ม

เมื่อสิวแตกห้ามบีบเค้นซ้ำเด็ดขาด แม้จะรู้สึกว่ายังมีหนองหรือของเหลวค้างอยู่ก็ตาม เพราะการบีบจะทำลายผิวบริเวณนั้นให้บอบช้ำยิ่งขึ้น แรงกดจะยิ่งผลักให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงลึกไปในชั้นผิวที่ลึกกว่าเดิม ทำให้การอักเสบลุกลามเป็นวงกว้าง จากแผล สิวแตกเล็ก ๆ อาจกลายเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่เจ็บและทิ้งหลุมสิวลึกไว้ได้ การปล่อยให้ร่างกายจัดการขับหนองที่เหลือออกมาเองตามกลไกธรรมชาติคือทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผิวของเรา
2. ทำความสะอาดแผลสิวอย่างถูกวิธี ป้องกันการติดเชื้อ

การทำความสะอาดแผล สิวแตก เป็นการช่วยกำจัดเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน โดยเริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด จากนั้นใช้น้ำเกลือสำหรับล้างแผล ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีและอ่อนโยนที่สุด เทลงบนสำลีก้อนสะอาดแล้วเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่สิวแตกอย่างเบามือ หากไม่มีน้ำเกลือ สามารถใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองล้างหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ก้อนที่มีความเป็นด่างสูงเพราะจะทำให้ผิวแห้งและทำให้แผลจากสิวรู้สึกระคายเคืองได้
3. ซับให้แห้งอย่างเบามือ ลดการระคายเคืองบริเวณที่สิวแตก

หลังจากการทำความสะอาดแล้ว ให้ซับน้ำออกอย่างเบามือ ห้ามใช้ผ้าขนหนูเนื้อหยาบถูหรือเช็ดแรง ๆ เด็ดขาด เพราะการเสียดสีจะกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง ทำให้เลือดไหลออกมาอีกครั้ง และอาจทำลายเนื้อเยื่อที่กำลังจะซ่อมแซมตัวเอง การซับผิวบริเวณที่สิวแตกควรใช้สำลีแผ่นสะอาดหรือกระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้า ค่อย ๆ กดซับเบา ๆ บริเวณแผล และผิวรอบ ๆ จนแห้งสนิท ความอ่อนโยนในขั้นตอนนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บซ้ำซ้อนและให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง
4. ห้ามเลือด (กรณีเลือดออกเยอะ) ด้วยวิธีง่าย ๆ แต่ได้ผล

ในกรณีที่เลือดออกเยอะกว่าปกติ ทำให้หลายคนกังวลว่าสิวแตก เลือดออกทำไง หากเลือดออกเยอะกว่าปกติควรทำการห้ามเลือดก่อน โดยใช้สำลีสะอาดกดลงบนแผลด้วยแรงที่สม่ำเสมอ แต่ไม่แรงจนเกินไปค้างไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้เลือดหยุดไหล หากเลือดยังซึมออกมา ให้ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ หรือใช้เจลประคบเย็น มาประคบบริเวณนั้นสักครู่ ความเย็นจะช่วยให้เส้นเลือดฝอยหดตัวและทำให้เลือดหยุดไหลได้เร็วขึ้น วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยห้ามเลือด แต่ยังช่วยลดอาการบวมแดงได้อีกด้วย
5. ทายาแต้มสิว หรือยาฆ่าเชื้อบริเวณที่สิวแตก

เมื่อแผลสิวแตก แห้งและเลือดหยุดไหลสนิทแล้ว ก็ถึงเวลาทายา เพื่อช่วยลดการอักเสบและป้องกันแบคทีเรียเติบโต สามารถเลือกใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสม Clindamycin ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่ ช่วยควบคุมการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ปกป้องแผลสิวแตก ด้วยแผ่นแปะสิว

ในปัจจุบันเรามีแผ่นแปะสิว ซึ่งเป็นแผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์ ที่ใช้ปิดทับบริเวณที่สิวแตก เพื่อช่วยดูดซับของเหลวหรือหนองที่อาจยังหลงเหลืออยู่ ทำให้แผลแห้งและสมานตัวเร็วขึ้น ช่วยให้ผิวฟื้นฟูอย่างเหมาะสม ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดแผลเป็นได้ และทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันแผล สิวแตก จากสิ่งสกปรก แบคทีเรียภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมือของเรา ไม่ให้ไปสัมผัสหรือแกะเกาแผลโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
7. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าทับบริเวณสิวแตก เพื่อลดการอุดตัน

ในช่วงที่แผลจากสิวกำลังอยู่ในกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง ควรปล่อยให้ผิวบริเวณนั้นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ควรงดการแต่งหน้า โดยเฉพาะการใช้คอนซีลเลอร์หรือรองพื้นโบกทับแผลโดยตรง เพราะเมคอัพอาจเข้าไปอุดตันในแผลที่ยังเปิดอยู่ และก่อให้เกิดการอักเสบซ้ำซ้อนได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันเนื้อหนัก หรือการสครับขัดผิวบริเวณที่สิวแตก การดูแลผิวในช่วงนี้ควรเน้นไปที่ความสะอาด ความชุ่มชื้นที่บางเบา และการปกป้องแผล เพื่อให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งร่องรอยไว้กวนใจ
สัญญาณเตือน ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญเมื่อไร?

การดูแลสิวตาม 7 ขั้นตอนข้างต้น ก็ถือว่าเพียงพอที่จะจัดการปัญหาได้ แต่ในกรณีที่เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงกว่าปกติ จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังโดยตรง
- การติดเชื้อรุนแรง : หากบริเวณที่สิวแตก มีอาการปวดตุบ ๆ ตลอดเวลา บวมแดงแผ่เป็นวงกว้าง รู้สึกร้อนเมื่อสัมผัส มีหนองสีเหลืองหรือสีเขียวข้นไหลออกมาไม่หยุด หรือมีไข้ร่วมด้วย นี่คือสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันที
- สิวแตกซ้ำ ๆ ที่เดิม หรือเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ : หากสิวเกิดขึ้นที่ตำแหน่งเดิมบ่อย ๆ หรือเป็นสิวหัวช้างเม็ดใหญ่ที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง การดูแลด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพอ ปัญหาเหล่านี้มักต้องการการรักษาเฉพาะทาง เช่น การฉีดยาเพื่อลดการอักเสบ หรือการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อควบคุมปัญหาและป้องกันการเกิดหลุมสิวถาวร
- เกิดรอยแผลเป็น : หากเราเป็นคนที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นง่าย หรือหลังจากเป็นสิวแล้วทิ้งรอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวที่ชัดเจนไว้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษา ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วกว่าการดูแลด้วยตัวเอง
M Vita Clinic พร้อมดูแลทุกปัญหาสิวและรอยสิวอย่างมืออาชีพ
การรับมือกับปัญหา สิวแตกเป็นการลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงคือเป้าหมายสูงสุด ที่ M Vita Clinic เราเข้าใจทุกมิติของปัญหาสิว ด้วยแพทย์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการคอร์สรักษาสิว ที่มีรูปแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เราพร้อมดูแลตั้งแต่การจัดการสิวอักเสบเพื่อจบปัญหา สิวแตก ซ้ำซาก ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเลเซอร์รอยสิว ทั้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว ให้ผิวของคุณกลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส และเรียกคืนความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง อย่าปล่อยให้ปัญหาสิวแตก มาทำลายผิวของคุณ
ใครที่มองหา คลินิกรักษาสิว ใกล้ฉัน M Vita Clinic พร้อมดูแลคุณในทุก ๆ ขั้นตอน ใครที่กังวลว่าสิวที่เป็น จะเป็นสิวบอกโรค สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ เพื่อประเมินอาการก่อนได้เลย
ติดต่อ M Vita Clinic วันนี้ เพื่อเข้ามาปรึกษาและประเมินสภาพผิวกับแพทย์ของเราได้ฟรี! เพื่อทราบจำนวนไลน์และราคาที่แน่นอนสำหรับคุณ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่



