เลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิว กำลังเป็นที่นิยมโดยเฉพาะผู้ที่กังวลกับรอยสิวบนใบหน้า และต้องการรักษาให้รอยสิวจางอย่างรวดเร็ว ในแต่ละคลินิกก็จะมีบริการเลเซอร์รอยสิวที่ชื่อแตกต่างกันออกไป หลายคนจึงเกิดคำถามว่าเลเซอร์แบบไหนดีที่สุด? หรือควรเลือกตัวไหนเพื่อให้เห็นผลเร็วและปลอดภัย บทความหมอเอ็ม นายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำเอ็มวีต้าคลินิกได้รวบรวมคำตอบไว้ให้คุณแล้ว

ในเบื้องต้นเรามาทำความรู้จักกับเลเซอร์รอยสิวก่อนนะครับ

เลเซอร์รอยสิว คืออะไร
เลเซอร์รอยสิว คือ นวัตกรรมการรักษารอยสิวโดยใช้แสงเลเซอร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าความหมายค่อนข้างกว้าง เพราะแสงเลเซอร์ก็มีหลายชนิด ตัวไหนที่มีงานวิจัยยืนยันว่ารักษารอยสิวได้อย่างปลอดภัย ก็นับเป็นเลเซอร์รักษารอยสิวทั้งหมด

ทำความรู้จักรอยสิวแต่ละแบบ
มาถึงตรงนี้แล้วอาจมีบางท่านสงสัยว่า แล้วรอยสิวคืออะไรล่ะ? รอยสิว คือ รอยที่เกิดตามหลังสิว โดยจะมีสีเข้มขึ้นกว่าผิวรอบ ๆ นั่นเอง ซึ่งรอยสิวที่เข้มขึ้นนั้นมีได้สองสี คือ แดงกับดำ จึงเรียกเป็น รอยแดงสิว กับ รอยดำสิว ซึ่งรอยแดงสิวกับรอยดำสิวจะใช้เลเซอร์ในการรักษาคนละแบบกัน ดังนั้นหากแยกชนิดรอยแดงรอยดำได้ ก็จะเลือกเลเซอร์ได้เหมาะสมและเห็นผลชัดเจน
รอยแดง
รอยแดงสิว (Post Acne Erythema : PAE) คือรอยที่เกิดหลังสิวอักเสบยุบตัวลง มีสาเหตุจากการขยายตัวหรือเสียหายของเส้นเลือดฝอยจากกระบวนการอักเสบ โดยเฉพาะเมื่อปล่อยให้สิวอักเสบรุนแรงหายเอง แม้ตัวสิวจะหายแล้ว แต่เส้นเลือดที่ยังขยายตัวค้างอยู่จะทำให้ผิวบริเวณนั้นคงสภาพเป็นรอยสีแดงหรือชมพู ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะจางลงได้เองครับ
รอยดำ
รอยดำสิว (Post Acne Hyperpigmentation : PAH) เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีผลิตเมลานินออกมามากผิดปกติเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ โดยเฉพาะเมื่อมีการแกะ บีบสิว หรือการอักเสบที่รุนแรง เม็ดสีส่วนเกินนี้จะไปสะสมอยู่ที่ผิวชั้นบน ทำให้เกิดเป็นรอยจุดสีน้ำตาลหรือดำ ซึ่งมักฝังลึกและต้องใช้เวลารักษานานกว่ารอยแดง จึงทำให้รักษายากกว่าครับ

คราวนี้เรามาดูกันครับว่าเลเซอร์ลดรอยสิว มีอะไรบ้าง
เลเซอร์รอยสิวมีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง
เลเซอร์รอยสิวที่ใช้ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตามการออกฤทธิ์ ดังนี้
1. เลเซอร์เส้นเลือด (Vascular laser)
เลเซอร์เส้นเลือด คือ เลเซอร์ที่ออกฤทธิ์เจาะจงกับเส้นเลือดใต้ผิว จึงช่วยรักษารอยแดงได้ดี เพราะรอยแดงคือเส้นเลือดที่ขยายตัวนั่นเอง
เลเซอร์เส้นเลือดมีประสิทธิภาพในการรักษารอยแดงเพราะออกฤทธิ์เจาะจงกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งดูดซับแสงได้มากกว่าเมลานิน โดยช่วงคลื่นที่นิยมใช้มีสองช่วงหลัก คือ แสงสีเหลือง 565-595 นาโนเมตร และอินฟราเรด 1064 นาโนเมตร
เลเซอร์หน้าใสแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะและเหมาะกับปัญหาเส้นเลือดที่มีความรุนแรงต่างกัน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี ต่อไปเรามาดูกันครับว่า เครื่องเลเซอร์เด่นๆ มีชนิดไหนบ้าง
Vbeam laser

วีบีม Vbeam เป็นเลเซอร์ชนิด Pulsed dye laser ให้พลังงานแสงความยาวคลื่น 595 nm ช่วงแสงสีเหลือง ถือเป็น Gold Standard ในการรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดในชั้นตื้น ๆ เช่น รอยแดงสิว ปานแดง เส้นเลือดฝอย
- จุดเด่นของ Vbeam คือ รักษารอยแดงสิวได้ผลดีถึงดีมาก และหลังยิงพักฟื้นไม่นาน อาจมีแดงเรื่อๆ เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น
- จุดด้อยของ Vbeam เลเซอร์ คือ ค่าใช้จ่าย เนื่องจากต้นทุนต่อ Shot ในการยิงของ Vbeam ค่อนข้างสูงจึงทำให้ราคาที่คนไข้จะต้องจ่ายสูงตามไปด้วย

Dual yellow laser

เป็นเลเซอร์อีกเครื่องที่หลาย ๆ คลินิกใช้ ซึ่งโดดเด่นในเรื่องผิวหน้าขาวกระจ่างใส แต่ก็สามารถนำมารักษารอยแดงรอยดำสิวได้เช่นกัน
- จุดเด่นของ Dual yellow laser จะมีแสงเลเซอร์ออกมา 2 ชนิด สามารถรักษาทั้งรอยแดงและรอยดำ
- แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 nm จะเด่นในเรื่องของการรักษาพวกรอยดำ เม็ดสีเมลานิน
- แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 nm จะเด่นในการรักษารอยแดงหรือเส้นเลือดคล้ายๆกับตัว Vbeam ครับ
- จุดด้อยของ Dual yellow laser
พลังงานของเครื่อง Dual yellow laser อาจจะไม่สูงมากเท่าเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ จึงอาจจะต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผลเทียบเท่ากับเครื่องอื่น ๆ และการยิงเป็นแบบสแกน โดยหัวยิงขนาดเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวยิงประมาณ 1 ซม.) จึงอาจจะใช้เวลาทำนานกว่าเครื่องอื่น
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Dual yellow laser ได้ที่นี่
Quadrostar ProYellow

เลเซอร์ในตระกูล Diode laser ให้พลังงานแสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 577 nm ตัวนี้โดดเด่นมากในการรักษาความผิดปกติที่เกิดจากหลอดเลือดชั้นตื้นทุกชนิด เช่น รอยแดงสิว เส้นเลือดฝอย เส้นเลือดขอด ปานแดง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในเรื่องของการรักษาสิวด้วย โดยพบว่าช่วยลดจำนวนสิวอักเสบทุกชนิด ดังนั้นจึงเหมาะในการรักษารอยสิวและสิวให้ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
- จุดเด่นของเครื่อง Pro yellow laser คือ พลังงานที่ค่อนข้างสูง หัวยิงสแกนกว้าง (2.25 ตร.ซม.) ผลการรักษาดีมาก และค่าใช้จ่ายไม่สูง เมื่อเทียบกับ Vbeam
- จุดด้อยของเครื่อง Pro yellow laser คือ การยิงเป็นแบบสแกน จึงใช้เวลานานกว่า Vbeam
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Quadrostar Proyellow ได้ที่นี่
Long pulsed Nd:YAG laser

Long Pulsed Nd:YAG ปกติมักจะใช้กำจัดขนเป็นหลัก แต่ก็นำมาใช้รักษาปัญหาที่เกี่ยวกับหลอดเลือดชั้นลึกได้ เช่น เส้นเลือดขอด หรือการรักษารอยแดงสิวก็ได้ผลดี
- จุดเด่นของ Long Pulsed Nd:YAG คือ ให้พลังงานแสงอินฟราเรด ความยาวคลื่น 1064 nm ใช้รักษารอยแดงสิวลึก ๆ ได้ผลดี และยิงแบบช็อต จึงใช้เวลาในการยิงไม่นาน
- จุดด้อยของ Long Pulsed Nd:YAG คือ การยิงรอยสิวต้องใช้เทคนิคในการยิง ต้องรู้จักค่าพลังงานที่เหมาะสม และเครื่อง Long pulsed Nd บางเครื่องอาจใช้ยิงรอยแดงไม่ได้ ต้องดูศักยภาพของเครื่อง ว่าสูงเพียงพอที่จะใช้ในการยิงได้หรือไม่ด้วย
2. เลเซอร์เม็ดสี (Pigment Laser)

เลเซอร์เม็ดสี คือ เลเซอร์ที่มีตัวดูดแสงหลักเป็นเม็ดสี Melanin และต้องมีช่วงเวลาที่ปล่อยเลเซอร์สั้น (หน่วยเป็น นาโนวินาที = หนึ่งส่วนพันล้านวินาที หรือน้อยกว่านั้น) จึงใช้รักษารอยดำได้ดี เพราะรอยดำมีเม็ดสีมากกว่าผิวรอบ ๆ นั่นเอง ซึ่งเลเซอร์ต้องมีช่วงเวลาที่ปล่อยเลเซอร์สั้น เพราะเพราะถ้าช่วงเวลาที่ปล่อยเลเซอร์ยาว เช่นหน่วยเป็นมิลลิวินาที = หนึ่งส่วนล้านวินาที แสงจะถูกดูดโดยขน และรากขนแทนไปด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะอย่าลืมครับว่าขนก็เป็นสีดำ มีเม็ดสีเหมือนกัน ถ้าเทียบรากขนกับเซลล์ผิวเราแล้วถือเป็นของที่ใหญ่กว่า เลยจะจับกับแสงที่ปล่อยนานได้ดี ดังนั้นถ้าเราจะยิงให้โดนของเล็ก ๆ เช่นเม็ดสีในเซลล์ผิว จึงต้องปล่อยแสงออกมาเร็ว ๆ นั่นเอง ซึ่งเลเซอร์เม็ดสี รักษารอยดำสิว ที่พบบ่อย ได้แก่
Q switched Nd:YAG laser
Q Switched Nd:YAG Laser คือ เลเซอร์ที่ให้แสงอินฟราเรด(1064 nm) กับแสงสีเขียว (532 nm) โดยเวลายิงจะปล่อยแสงอย่างเร็ว ในหน่วยนาโนวินาที= หนึ่งส่วนพันล้านวินาที ถือเป็นเลเซอร์ที่นิยมมากที่สุดในการใช้รักษาปัญหาเม็ดสี เช่น กระ ฝ้า รอยดำ
- จุดเด่นของเครื่อง Q switched Nd:YAG laser คือ รักษารอยดำถือว่าได้ผลดี แต่ต้องดูยี่ห้อด้วยครับ เพราะแต่ละบริษัทอาจจะมีสเปคที่ต่างกัน และราคาไม่สูง เพราะต้นทุนต่อช็อตค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่นครับ
- จุดด้อยของเครื่อง Q switched Nd:YAG laser คือ การรักษาด้วยเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีสเปคต่ำผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ครับ
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Q switched Nd:YAG laser ได้ที่นี่
Q switched Nd:YAG laser

Q Switched Nd:YAG Laser คือเลเซอร์ที่ให้แสงอินฟราเรด(1064 nm) กับแสงสีเขียว (532 nm) โดยเวลายิงจะปล่อยแสงอย่างเร็ว ในหน่วยนาโนวินาที= หนึ่งส่วนพันล้านวินาที
ถือเป็นเลเซอร์ที่นิยมมากที่สุดในการใช้รักษาปัญหาเม็ดสี เช่น กระ ฝ้า รอยดำ
- จุดเด่นคือ
รักษารอยดำถือว่าได้ผลดี แต่ต้องดูยี่ห้อด้วยครับ เพราะแต่ละบริษัทอาจจะมีสเปคที่ต่างกัน และราคาไม่สูง เพราะต้นทุนต่อช็อตค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่นครับ
- จุดด้อยคือ
หากรักษาด้วยเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐานหรือมีสเปคต่ำผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ครับ
สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Q switched Nd:YAG laser ได้ที่นี่

Picosecond laser

Picosecond Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ล้ำหน้าและกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในปัจจุบันสำหรับรักษาปัญหาเม็ดสีและฟื้นฟูผิว โดยจะปล่อยพลังงานแสงที่ความเร็วสูงสุดในระดับ “พิโควินาที” (Picosecond) ซึ่งเท่ากับ 1 ส่วนล้านล้านวินาที ทำให้สามารถแตกเม็ดสีได้อย่างละเอียดโดยเกิดผลกระทบต่อผิวรอบข้างน้อยที่สุด
- จุดเด่นของเครื่อง Picosecond Laser คือ ความเร็วในการปล่อยพลังงานที่เหนือกว่าเลเซอร์รุ่นอื่น ๆ ทำให้ Picosecond Laser สามารถทำลายเม็ดสีได้ดีกว่า ส่งผลให้เห็นผลการรักษาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยลง และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยดำหลังทำเลเซอร์
- จุดด้อยของเครื่อง Picosecond Laser คือ เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ใหม่และมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อน ทำให้เป็นรูปแบบเลเซอร์รอยสิว ราคาสูงกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของการรักษายังขึ้นอยู่กับความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ใช้เครื่องด้วย
3. เลเซอร์ปรับสภาพผิวเป็นส่วน ๆ แบบไม่มีแผล (Non-Ablative Fractional Laser)
เลเซอร์ปรับสภาพผิวเป็นส่วน ๆ เป็นเลเซอร์กลุ่มที่ออกฤทธิ์ที่ผิวหนัง ทำให้เกิดการปรับสภาพผิว สร้างชั้นผิวใหม่ ซึ่งในกระบวนการสร้างชั้นผิวใหม่นั้น ผิวจะมีการขับเม็ดสีเมลานินเก่าในชั้นผิวเดิมออกไปด้วย รอยดำจึงจางลง ซึ่ง Non-Ablative Fractional Laser มีอะไรบ้าง ? ไปดูกันเลย
Fraxel dual/ Fraxel restore
ถือเป็น Gold Standard ของเลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดไม่ทำให้เกิดแผล (Non-Ablative Laser) ดังนั้นผลการรักษาตัวนี้ถือว่าดีมาก ทำให้ผิวโดยรวมดีขึ้นและรอยดำจางลงเช่นกัน
แต่จุดด้อยของเลเซอร์กลุ่มนี้คือราคา เนื่องจากต้นทุนค่อนข้างสูง ราคาในการทำจึงค่อนข้างแพง และต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ยิงพอสมควร
LaseMD
เป็นเลเซอร์ที่ให้พลังงานในช่วงคลื่นอินฟราเรด 1927 nm ช่วงคลื่นเดียวกับที่พบใน Fraxel Dual laser โดยแสงจะออกฤทธิ์ไปได้ถึงรอยต่อระหว่างชั้นหนังกำพร้ากับหนังแท้ Dermoepidermal junction ดังนั้นเลเซอร์ตัวนี้จึงรักษารอยดำได้ดี รวมถึงค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการยิงก็ไม่แพงเท่าเลเซอร์กลุ่ม Fraxel แต่การยิงก็ต้องอาศัยประสบการณ์ของคุณหมอผู้ทำการรักษาด้วยครับ
เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร
เลเซอร์รักษารอยสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยสิวประเภทต่างๆ ทั้งรอยแดงจากการอักเสบและรอยดำจากเม็ดสีเมลานิน โดยเทคโนโลยีนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเม็ดสีเข้ม และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว หรือผู้ที่การรักษาด้วยวิธีทั่วไปไม่ได้ผล รวมถึงผู้ที่มีรอยหลุมสิวตื้นๆ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกชนิดเลเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว
ใครไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์รอยสิว
- ท่านที่กำลังมีผื่นผิวหนังอักเสบ ผิวแห้งมากๆและลอกแดง
- ท่านที่กำลังมีภาวะเริมกำเริบบนใบหน้า เช่นที่มุมปากเป็นต้น
- ท่านที่เพิ่งโดนแดดจัดๆมา หรือมีผิวไหม้ อาจไม่เหมาะกับ Non-Ablative Fractional Laser
เลเซอร์รอยสิว อันตรายไหม ?
เลเซอร์รอยสิวไม่อันตราย และเห็นผลดีมาก ๆ หากทำด้วยเครื่องที่ได้มาตรฐาน ตั้งพลังงานที่เหมาะสม โดยหมอที่เชี่ยวชาญ
ข้อดีของการทำเลเซอร์รอยสิว

ข้อดีของการทำเลเซอร์ลดรอยสิวคือ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอมากขึ้น โดยเลเซอร์สามารถส่งพลังงานลงสู่ผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้รอยสิว เช่น รอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิว มีแนวโน้มที่จะดูจางลง แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปอาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผล ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น สภาพผิว อายุ และการดูแลหลังทำ การรักษาโดยเลเซอร์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงH2 เลเซอร์รอยสิว กี่ครั้งหาย ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
ส่วนใหญ่หลังทำเลเซอร์ลดรอยสิวครั้งแรกก็เริ่มเห็นผลในระดับหนึ่งเลย โดยจะเห็นผลหลังทำเลเซอร์ไปประมาณวันที่ 2-3 ครับ
ซึ่งรอยสิวจะจางลงในแต่ละครั้งประมาณ 10-40% ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ได้แก่
- เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษา ตัวที่ดีกว่าก็จะเห็นผลได้มากกว่านั่นเอง
- ความชำนาญของแพทย์ หากมีความเชี่ยวชาญก็จะยิงเลเซอร์ได้เห็นผลมากกว่า
- ความรุนแรงของรอยสิว รอยสิวตื้นๆ สีไม่เข้มมากก็ย่อมจะเห็นผลเร็วกว่า

ก่อนเลเซอร์รอยสิว เตรียมตัวอย่างไร
ข้อปฏิบัติก่อนทำเลเซอร์รักษารอยสิวแต่ละคลินิกอาจต่างกัน เพราะเลเซอร์อาจเป็นคนละชนิดกันนะครับ
- สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิกก่อนทำเลเซอร์รอยสิวคนไข้ไม่ต้องหยุดยาสิวใดๆ ยังทานยา ทายารักษาสิวได้ตามปกติ
- ก่อนทำเลเซอร์สำหรับรักษารอยสิวคนไข้สามารถกดสิว หรือผลัดเซลล์ AHA/BHA ที่คลินิกได้ตามปกติ แต่ไม่แนะนำให้คนไข้ผลัดเซลล์หรือใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มสครับขัดผิวทำเองที่บ้านนะครับ
- หมอและผู้เชี่ยวชาญจะตรวจผิวก่อนทำเลเซอร์รักษารอยสิว หากพบคนไข้มีผิวแห้งมากหรือมีผื่นอาจให้เว้นเลเซอร์ไปก่อนและจะปรับสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนจะพิจารณาทำเลเซอร์เพื่อลดรอยสิวครั้งถัดไปครับ
- หากคนไข้ทานวิตามิน อาหารเสริมอื่นๆ ให้แจ้งหมอก่อนนะครับ เพื่อหมอจะช่วยดูให้ว่าตัวไหนทานไม่ได้ ในช่วงที่รักษาด้วยเลเซอร์รักษารอยสิวครับ
- หากคนไข้เคยเป็นเริมบริเวณใบหน้า ให้แจ้งหมอด้วยนะครับ หมออาจให้ทานยาป้องกันเริมเห่อให้ในคนไข้บางท่าน ตามความเหมาะสมครับ
ขั้นตอนการทำเลเซอร์รอยสิว
ขั้นตอนในการทำเลเซอร์รอยสิว มีดังนี้
- ทำความสะอาดผิวคนไข้
- แพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียด
- กรณีที่มีสิว ผู้เชี่ยวชาญจะทำการกดกำจัดสิวอุดตันออกให้เรียบร้อยก่อน
- หากมีสิวอักเสบ อาจมีการฉีดสิวลดการอักเสบ ให้สิวยุบไวขึ้น
- จากนั้นแพทย์จะเริ่มทำเลเซอร์ โดยเน้นไปที่รอยสิวแต่ละรอยอย่างละเอียด ด้วยเลเซอร์เฉพาะของทางคลินิก
- เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำเลเซอร์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้ง
- ขั้นตอนสุดท้ายผู้เชี่ยวชาญจะลงครีมบำรุง และครีมกันแดดให้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังเลเซอร์รอยสิว
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังทำเลเซอร์รักษารอยสิวขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ในแต่ละคลินิก สำหรับเลเซอร์ที่เอ็มวีต้าคลินิก หลังทำไม่มีอาการข้างเคียงใด ๆ อาจจะมีแดงเรื่อ ๆ หลังจากที่ทำประมาณไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ก็หายแล้วครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังเลเซอร์ลดรอยสิว
สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิกหมอแนะนำให้คนไข้ ปฏิบัติตัวหลังทำเลเซอร์รอยสิวดังนี้ครับ
- หลังทำทันที รอยสิวจะดูแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาการแดงนี้จะหายไปภายในประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ
- คนไข้จะเริ่มเห็นผลการรักษาที่ประมาณวันที่ 2 หลังทำเลเซอร์ครับ
- หลังทำเลเซอร์รักษารอยสิวให้คนไข้ใช้ยาที่ทางคลินิกจัดให้อย่างสม่ำเสมอได้ตามปกติ ทั้งยาทาและยากินครับ
- หลีกเลี่ยงการใช้สครับขัดหน้าหรือการใช้กรดผลไม้ผลัดเซลล์ผิวด้วยตัวเองหลังการทำเลเซอร์ลดรอยสิวอย่างน้อย 1 สัปดาห์ครับ
- ไม่ควรบีบแกะสิวเอง หากมีสิวอักเสบขึ้นสามารถติดต่อมาที่คลินิกเพื่อให้หมอดูแล และฉีดสิวให้ครับ

เลือกคลินิกทำ เลเซอร์รักษารอยสิว ที่ไหนดี?
คลินิกที่ให้บริการเลเซอร์สำหรับรักษารอยสิวนั้นมีมากมาย จะตัดสินใจเลือกรับบริการที่ไหนดีนั้น ควรเลือกจากอะไร มาดูกันครับ
- คลินิกเปิดอย่างถูกต้อง ต้องมีการเปิดเผยชื่อคุณหมอ เพื่อนำมาตรวจสอบใบอนุญาตของคุณหมอ และการเปิดคลินิกนั้นต้องมีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก โดยเช็คได้จาก https://checkmd.tmc.or.th/ ครับ *ปลอดภัยไว้ก่อน*
- คุณหมอมีความเชี่ยวชาญ เลือกคุณหมอที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ลดรอยสิวโดยเฉพาะเท่านั้น
- รีวิวแน่น ดูรีวิวรักษารอยสิวของทางคลินิก ในทุกช่องทาง เทียบภาพก่อน-หลัง ถ้ารีวิวมีเยอะ แต่ละเคสเห็นผลดีขึ้นชัดเจน ก็ถือว่าน่าเชื่อถือครับ
- เครื่องเลเซอร์ดี คลินิกที่มีเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน และเป็นของแท้ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอนครับ
- ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงจนเว่อร์เกินไป ราคาจับต้องได้
- การบริการ เลือกคลินิกที่มีการบริการที่ดี อบอุ่น เป็นกันเอง

เลอเซอร์หลัก ๆ ที่เอ็มวีต้าคลินิกเลือกใช้
สำหรับคนไข้ที่ต้องการรักษารอยสิวให้ได้ผลรวดเร็ว ที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอมีการรักษาด้วยเลเซอร์รอยสิวหลายชนิดที่จะตอบโจทย์ทันใจครับ โดยเลเซอร์หลักที่หมอเลือกใช้นั้นมีอยู่ 2 ตัวด้วยกันครับ นอกจากนี้ สำหรับคนไข้บางท่าน หมอก็จะมีการปรับใช้เลเซอร์ตัวอื่นเข้ามาทำการรักษาให้ด้วยตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดครับ
- Quadrostar PROYellow เลเซอร์ในตระกูล diode ที่จัดเป็นเลเซอร์มาตรฐานระดับสูงผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและทั่วโลก ช่วยรักษารอยแดงสิวและสิวได้ผลดีมากครับ
- Hellos III Q Switched Nd : YAG ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เช่นกัน ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการรักษารอยดำสิว ให้ผลการรักษาที่รวดเร็วครับ

นอกจากนี้ สำหรับคนไข้บางท่าน หมอก็จะมีการปรับใช้เลเซอร์ตัวอื่นเข้ามาทำการรักษาให้ด้วยตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดครับ

เปิดเหตุผลที่เอ็มวีต้าแตกต่างจากที่อื่น
- มีเครื่องเลเซอร์ที่หลากหลายและเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงมาตรฐานระดับโลกจึงมั่นใจในผลการรักษาได้เป็นอย่างดี
- เน้นการรักษาแบบองค์รวม หากมีสิวก็จะให้การดูแลรักษาไปด้วย ไม่ได้รักษาแค่รอยอย่างเดียว จึงช่วยรักษาสิว และช่วยป้องกันการเกิดรอยใหม่ ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างชัดเจน
- คุณหมอเอ็ม ผู้ทำการรักษาเป็นคุณหมอที่มีประสบการณ์ในด้านผิวพรรณความงาม มาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญในการดูแลสิวและรอยสิวเป็นอย่างดี
- เทคนิคในการยิงเลเซอร์เป็นเทคนิคพิเศษ ที่คิดค้นขึ้นมาจากประสบการณ์อันยาวนานซึ่งเห็นผลชัดเจนมาก หลังทำเพียงครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างครับ
- เอ็มวีต้าคลินิกมีรีวิวผลการรักษารอยสิวที่เห็นผลชัดเจนเป็นจำนวนมาก ทั้งรีวิวรูปภาพและรีวิวข้อความประทับใจ จึงทำให้มั่นใจถึงผลลัพธ์ที่คนไข้ทุกท่านจะได้รับครับ
เอ็มวีต้าคลินิก เลเซอร์รอยสิว ราคาเท่าไหร่ ?
คลินิกเอ็มวีต้าคลินิก เลเซอร์รอยสิว ราคาจะแบ่งเป็น 2 โปรแกรมครับ
H3 1. โปรแกรม Medi-Aclear เลเซอร์รอยสิวพร้อมรักษาสิว
เลเซอร์ลดรอยดำและรอยแดง ควบคู่กับการรักษาสิว สำหรับผู้ที่ยังเป็นสิวต่างร่วมอยู่ด้วย ชื่อโปรแกรมว่า Medi-Aclear ครับ จะตอบโจทย์ และในผลลัพธ์ที่ดี อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องสิว รอยดำสิว รอยแดงสิว จากสิวครับ ซึ่งโปรแกรมเลเซอร์สิว ราคาเท่าไหร่ไปดูกัน

MediAclear | คอร์ส 10 ครั้ง | คอร์ส 5 ครั้ง | รายครั้ง |
---|---|---|---|
ราคาเฉลี่ยต่อครั้ง | 1,700.- | 2,100.- | 3,500.- |
ราคาคอร์ส | 17,000.- | 10,500.- | – |
คอร์ส Medi-Aclear เลเซอร์รอยสิว ราคาดังนี้
- รายครั้ง : 3,500 บาท
- คอร์ส 5 ครั้ง : 10,500 บาท
- คอร์ส 10 ครั้ง : 17,000 บาท
2. โปรแกรม Gold K Scan เลเซอร์รักษารอยสิวอย่างเดียว
โปรแกรม Gold K Scan เป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับผู้มีเพียงรอยจากสิวเท่านั้นครับ ซึ่งโปรแกรม Gold K Scan เลเซอร์รักษาสิวเท่าไหร่นั้น ไปดูกันเลยครับ

คอร์ส Gold K Scan เลเซอร์รอยสิว ราคา
Gold K Scan | คอร์ส 10 ครั้ง | คอร์ส 5 ครั้ง | รายครั้ง |
---|---|---|---|
ราคาเฉลี่ยต่อครั้ง | 1,350.- | 8,500.- | 2,500.- |
ราคาคอร์ส | 13,500.- | 1,700.- | – |
คอร์ส Gold K Scan เลเซอร์รอยสิว ราคา
- รายครั้ง : 2,500 บาท
- คอร์ส 5 ครั้ง : 8,500 บาท
- คอร์ส 10 ครั้ง : 13,500 บาท

รีวิวรักษาสิว ของ เอ็มวีต้าคลินิก





คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเลเซอร์รักษารอยสิว ( Q & A )
Q : รอยแดงสิว รอยดำสิว เกิดจากอะไร
เมื่อเราเป็นสิวแสดงว่าผิวของเราเริ่มมีปัญหาบางอย่าง ร่างกายของเราจะพยายามปรับสมดุลสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ ระหว่างนี้บริเวณที่เป็นสิวอาจมีอาการอักเสบขึ้นมา เมื่อสิวหายแล้วจึงสามารถทิ้งร่องรอยเอาไว้บนใบหน้าของเราได้ รอยสิวมีอยู่หลายแบบ เช่น รอยแดง รอยดำ และหลุมสิว สามารถรักษาด้วยการทำเลเซอร์ลดรอยสิว
Q : เลเซอร์กำจัดรอยสิวดียังไง ทาครีมหรือยารักษารอยสิวแทนไม่ได้เหรอ
การทาครีมหรือยาลดรอยสิวเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้รอยสิวดูจางลงได้ แต่ใช้ระยะเวลานานมากๆ หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้าก็อาจทำให้เกิดปัญหาผิวอุดตันตามมา ซึ่งอาจทำให้ปัญหาสิวหนักขึ้นด้วย ส่วนเลเซอร์รักษารอยสิวเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยลดเลือนรอยสิวได้อย่างชัดเจน ตรงจุด มีความสะดวก รวดเร็ว และให้ผลในการรักษาที่เห็นได้ในเวลาไม่นาน อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ๆ ได้ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากในการจัดการกับปัญหารอยแดงสิว รอยดำสิว
Q : เลเซอร์รอยสิวทำงานยังไงบ้าง
เลเซอร์ลดรอยสิวเป็นนวัตกรรมในการดูแลและรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพสูง มีการทำงานโดยยิงพลังงานแสงไปยังบริเวณจุดที่มีปัญหา คอยดูดซับเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดรอยสิวได้เป็นอย่างดี เลเซอร์รอยสิวหลายประเภทจะช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ รวมถึงช่วยลดโอกาสในการเกิดรอยแดงและรอยดำสิวได้
Q : เลเซอร์ลดรอยสิวบ่อยๆ ดีไหม
การรักษารอยสิวอย่างต่อเนื่องด้วยเลเซอร์จะช่วยลดรอยแดงและรอยดำสิวได้ดียิ่งขึ้น แต่ควรเว้นระยะในการทำการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ผิวถูกกระตุ้นมากจนเกินไป แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
Q : เลเซอร์รักษารอยสิวทำให้ผิวบางหรือเปล่า
หลังการทำเลเซอร์ในช่วงแรกอาจมีผิวบางบ้างในช่วงแรก แนะนำให้หมั่นบำรุงผิวหน้าตามคำแนะนำจากแพทย์ผู้ให้การรักษาเพื่อให้ผิวหน้าดีขึ้น และหลีกเลี่ยงแสงแดด โอกาสเกิดปัญหาผิวหน้าบางมักขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้รักษา สำหรับเลเซอร์ลดรอยสิวเป็นนวัตกรรมในการรักษาผิวที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เลเซอร์รุ่นใหม่มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น จึงไม่ต้องกังวลกับการรักษาเลย
ข้อสรุป เลเซอร์สำหรับรักษารอยสิว
อย่างไรก็ตาม การเลเซอร์รักษารอยสิว เลเซอร์รอยดำ เลเซอร์รอยแดง ควรดูแลด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง รวมถึงการจ่ายยาเพื่อการรักษา ถึงแม้ว่าปัจจุบันเราจะสามารถหาซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยสิวได้ตามท้องตลาดโดยง่ายก็ตาม แต่อยากให้อยู่ในการดูแลของแพทย์มากกว่านะครับ บางท่านอาจมีการแพ้ยา แพทย์ก็จะหลีกเลี่ยงยา และจ่ายยาตามอาการ หรือประเภทของสิวรวมถึงรอยสิวนั้นๆ ครับ
คุณหมอเอ็มให้กำลังใจคนเป็นสิวทุกท่านนะครับ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้แพทย์ดูแลได้อย่างตรงจุด เพื่อเพิ่มความมั่นใจ กลับมาผิวสวย หน้าใสอีกครั้ง หมอเอ็ม ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!! ครับ
หากท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ อยากเข้ารับบริการเลเซอร์รอยสิวใกล้ฉัน เลเซอร์ลบรอยสิว หรือหากอยากต้องการประเมินผิวหน้า สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่เอ็มวีต้า คลินิกเลเซอร์รอยสิว
เอ็มวีต้า คลินิก เราเชี่ยวชาญเรื่องรักษาสิวทุกประเภท กดสิวด้วยวิธีที่ปลอดภัย ได้ผลรวดเร็ว และอยู่ในการดูแลของแพทย์ หากคุณกำลังเป็นสิวอยู่ แล้วอยากปรึกษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่