โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อกซ์ (Botox) คือ หนึ่งในหัตถการทางการแพทย์เพื่อความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในหมู่ดาราหรือเซเลบริตี้ แต่เป็นนวัตกรรมที่ใช้สำหรับลดริ้วรอย ซึ่งสามารถนำมาฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยให้เรียบเนียนขึ้นได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา ลิฟกรอบหน้าและลำคอ รวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เช่น การฉีดโบลดกราม ฉีดโบลดน่อง
ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการฉีดโบท๊อก ทั้งที่ถูกต้องและน่าสับสน ในบทความนี้ หมอเอ็ม นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำเอ็มวีต้าคลินิก (M Vita Clinic) จะมาไขทุกข้อสงสัยอย่างละเอียด ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทคนิคเชิงลึก เพื่อให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุดครับ
โบท็อก (Botox) คืออะไร
โบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) หรือ โบท็อกซ์ คือ สารจำพวกโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ผลิตโดยแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า คลอสทริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) เมื่อทำการฉีดโบท๊อกเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมและถูกตำแหน่ง ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยการเข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ที่สั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว ลองนึกภาพง่าย ๆ ว่าโบท็อกซ์ทำหน้าที่เหมือนเป็น “สวิตช์” ที่เข้าไปปิดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว
กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อก
ปกติแล้วการทำงานของกล้ามเนื้อ จะเกิดจากการที่ปลายประสาทมีการส่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine ; ตัวย่อ ACh) ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัวทำให้เกิดการขยับของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ดังรูปนี้

เมื่อหมอได้ทำการฉีดโบท็อกซ์ไปในกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการรักษาแล้ว สารโบทูลินั่ม ท็อกซินจะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และบล็อคการส่งสารสื่อประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้

เมื่อไม่มีสารสื่อประสาท กล้ามเนื้อก็ไม่ได้รับการกระตุ้น จึงไม่เกิดการหดตัว กล้ามเนื้อจะกลายเป็นคลายตัว และจะค่อย ๆ มีขนาดเล็กลง
หลังการฉีดผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ปลายประสาทก็จะค่อย ๆ กลับมาส่งสารสื่อประสาทได้อีกครั้ง ดังนั้น ผลของโบท็อกซ์จึงไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อตายแต่อย่างใด หลังหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อมัดนั้น ๆ ก็จะกลับมาขยับได้ตามปกติเหมือนเดิม
โบท็อกรักษาอะไรได้บ้าง

ด้วยคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ ทำให้การฉีดโบท็อกซ์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านความงามและการรักษาได้อย่างหลากหลาย ดังนี้ครับ
1. ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้า
การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา เป็นต้น รวมถึงการฉีดเพื่อรักษาภาวะโรคที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออื่น ๆ เช่น ตาเหล่ (Strabismus) เป็นต้น
2. ลดอาการปวดจากการเกร็งกล้ามเนื้อ
เมื่อฉีดโบทูลินัมท็อกซินจะสามารถช่วยลดอาการปวดเกร็งที่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้ เช่น อาการปวดหัวไมเกรน หรืออาการคอบิดเกร็ง (Cervical dystonia) โดยฉีดให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อยับยั้งปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บไปยังสมอง จึงลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรนได้ดี
3. รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
การฉีดโบท็อกซ์สามารถช่วยรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อชนิดต่าง ๆ เช่น อาการตากระตุก(Blepharospasm) อาการกล้ามเนื้อขากระตุกที่พบในคนไข้สมองพิการ (Lower limb spasticity from cerebral palsy)
4. ลดขนาดของกล้ามเนื้อ
เมื่อฉีดโบทูลิ นั่ม ท็อกซินในปริมาณที่มากขึ้น สามารถใช้ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อ ในบางจุดได้ เช่น ลดขนาดกราม (โบท็อกซ์หน้าเรียว) ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง เป็นต้น
5. รักษาโรคหรือกลุ่มอาการอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท็อกเพื่อรักษากลุ่มอาการหรือโรคอื่นๆ ยกตัวอย่าง เช่น ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder) ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence) ด้วย
6. โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า
การฉีดโบท็อกซ์ตามแนวกรามและลำคอ สามารถช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้นขึ้นได้ ซึ่งช่วยปรับมิติใบหน้าให้มีความเรียว สวยงาม
7.โบท็อกซ์ลดปีกจมูก / รัดแกนจมูก
อีกหนึ่งคุณสมบัติของการฉีดโบท็อกซ์คือ การฉีดบริเวณปีกจมูก ทำให้ปีกจมูกดูแคบลง และสันจมูกดูคมขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด
8.โบท็อกซ์แก้ปัญหายิ้มเห็นเหงือก (Gummy Smile)
การฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงริมฝีปากบนขึ้นสูงเกินไปเวลายิ้มได้ ช่วยปรับรูปปากเวลายิ้มให้ดูสวยขึ้น
9.โบท็อกซ์ลดเหงื่อ/กลิ่นตัว
อีกหนึ่งคุณสมบัติของการฉีดโบท็อกซ์คือ การฉีดบท็อกซ์บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ สำหรับครที่มีกลิ่นตัวจากการที่เหงื่อออกเยอะ ก็จะช่วยลดเหงื่อได้
10.โบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อน่องและบ่า
สำหรับใครที่มีปัญหาน่องใหญ่ ขาใหญ่จากปัญหากล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยทำให้ขาดูเรียวสวย และช่วงคอดูระหง สง่างามขึ้นได้
11. การฉีดโบท็อกช่วยด้านการรักษา
- ลดอาการปวดไมเกรนเรื้อรัง โดยฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและต้นคอ
- รักษาภาวะตากระตุก หรือคอบิดเกร็ง
- รักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยบางกลุ่ม
- รักษาภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive Bladder)
โบท็อกฉีดตรงไหนได้บ้าง
ในส่วนนี้หมอก็จะขอขยายความต่อจากบทความด้านบนที่ว่าโบท็อกใช้รักษาอะไรได้บ้าง จากนี้ก็จะเป็นการลงรายละเอียดเฉพาะตำแหน่งที่จะสามารถฉีดโบเพื่อเสริมความงามได้ มีดังต่อไปนี้

1. โบท็อกกราม
โดยปกติแล้วรูปหน้าคนไทยค่อนข้างที่จะมีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้กรามดูกว้าง เราสามารถฉีดโบท็อกลดกรามให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ดูหน้าเรียวขึ้น
2. โบท็อกลิฟกรอบหน้า
หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า ซึ่งหากฉีดไปตามแนวกรอบหน้าจะบล็อคกล้ามเนื้อบริเวณคอที่ดึงหน้าลง ทำให้รูปหน้าดูยกขึ้น รวมไปถึงการฉีดโบท็อกคิ้ว เราสามารถปรับรูปคิ้วให้ยกขึ้นหรือได้รูปขึ้นได้
3. โบท็อกริ้วรอย
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ริ้วรอยก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้า ริ้วรอยเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ จุดที่สามารถฉีดโบลดริ้วรอยให้เลือนหายไปได้ ได้แก่
- โบท็อกหน้าผาก ช่วยให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากเลือนหายและปรับรูปคิ้วได้
- โบท็อกหัวคิ้ว ช่วยลบเลือนริ้วรอยจากการขมวดคิ้ว ทำให้หัวคิ้วดูเรียบเนียน
- โบท็อกตีนกา ช่วยลดริ้วรอยหางตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะให้เลือนหายไป
- โบท็อกใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะดูลดลง
- โบท็อกริ้วจมูก ช่วยลบเลือนบันนี่ไลน์ (Bunny lines) หรือริ้วรอยบริเวณสันจมูกให้หายไป
- โบท็อกรอยบุ๋มที่คาง สำหรับบางท่านที่กล้ามเนื้อบริเวณคางแข็งแรง เวลาที่เผลอย่นคางจะเป็นรอยบุ๋มขึ้นมา สามารถฉีดโบเพื่อให้รอยบุ๋มนี้หายไปได้
4. โบท็อกจมูก
การฉีดโบท็อกจมูกสามารถช่วยปรับรูปทรงจมูกให้ดูสวยงามขึ้นได้ โดยจุดที่ฉีด ได้แก่
- โบท็อกปีกจมูก จะช่วยให้ปีกจมูกแคบลง ทรงจมูกดูเรียวขึ้น เหมาะกับท่านที่มีปัญหาปีกจมูกกว้าง
- โบท็อกสันจมูก (โบท็อกรัดแกน) จะช่วยให้สันจมูกคมชัดขึ้น
- โบท็อกปรับปลายจมูก จะช่วยปรับตำแหน่งปลายจมูกให้ยกขึ้นได้เล็กน้อย
5. โบท็อกแก้อาการยิ้มเห็นเหงือก
โบท็อกสามารถช่วยปรับตำแหน่งริมฝีปากบนเวลาที่ยิ้มไม่ให้สูงเกินไปจนเห็นเหงือก ช่วยให้คนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
6. โบท็อกยกมุมปาก
การฉีดโบท็อกยกมุมปากจะช่วยให้มุมปากยกขึ้นได้เล็กน้อยด้วยการบล็อคกล้ามเนื้อใต้มุมปาก ซึ่งเทคนิคนี้ต้องทำโดยคุณหมอที่มีความชำนาญเพื่อให้มุมปากสองข้างยกขึ้นได้อย่างสมดุล
7. โบท็อกรักแร้
สำหรับท่านที่มีเหงื่อออกใต้วงแขนค่อนข้างเยอะ การฉีดโบท็อกที่รักแร้จะช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวใต้วงแขนได้ ซึ่งจะช่วยบล็อคการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลงรวมถึงกลิ่นใต้วงแขนก็จะลดลงด้วย
8. โบท็อกปรับรูปร่าง
การฉีดโบท็อกสามารถปรับสัดส่วนของร่างกายให้สวยงามยิ่งขึ้นได้ จุดที่ฉีดได้แก่
- โบท็อกน่อง ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องเล็กลง ทำให้น่องเรียวได้รูปสวยงามขึ้น
- โบท็อกบ่า ทำให้กล้ามเนื้อบ่าปูดน้อยลง คอดูงามระหงขึ้น ช่วงคอดูยาวขึ้น
- โบท็อกกล้ามเนื้อไหล่ ให้ไหล่ปูดน้อยลง เพิ่มลุคที่ดูอ่อนโยนเป็นผู้หญิงมากขึ้น
- โบท็อกกล้ามเนื้อต้นแขน ให้กล้ามเนื้อต้นแขนหรือไบเซ็ปส์เล็กลง เหมาะกับคุณผู้หญิงเช่นกัน
9. โบท็อกในข้อบ่งชี้อื่นๆ
ปัจจุบันงานวิจัยใหม่ๆ มีการนำเอาโบท็อกมาใช้เพื่อความงามที่น่าสนใจ ได้แก่
- โบท็อกกระชับรูขุมขน โบท็อกจะออกฤทธิ์ที่ต่อมน้ำมันใต้ผิว จะช่วยให้รูขุมขนเล็กลง เหมาะกับท่านที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือมีสิว
- โบท็อกแผลเป็นคีลอยด์ มีงานวิจัยที่น่าสนใจในการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาคีลอยด์ พบว่าได้ผลดีในระดับนึง อาจใช้เป็นอีกทางเลือกในการรักษาได้
ฉีดโบท็อกอันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่
ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นคำถามนี้เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลที่สุด หมอขอยืนยันว่า การฉีดโบท็อกซ์มีความปลอดภัยสูงมาก หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้เทคนิคที่ดี และใช้โบท็อกซ์ของแท้ ผ่าน อย. ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานจะมีความบริสุทธิ์สูงและปลอดภัย ก็นับได้ว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยมาก ๆ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียง เพียงแค่อาจจะมีรอยเข็ม รอยช้ำหรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีดบ้างนิดหน่อยซึ่งมักจะหายภายใน 3-5 วัน
ส่วนใหญ่แล้วผลข้างเคียงหรือปัญหาที่อาจเกิดจากการฉีดโบท็อกมักพบในคนไข้ท่านที่เลือกรับบริการกับผู้ที่ไม่ได้เป็นแพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญเพียงพอ และอีกกรณีนึงคือการฉีดโบท็อกปลอมที่ไม่ผ่าน อย. ครับ ซึ่งอาจจะพบผลข้างเคียงได้ ดังต่อไปนี้
อาการดื้อโบท็อก
หากมีอาการดื้อ Botox แล้วจะทำให้เมื่อฉีดครั้งถัดไปจะเห็นผลลัพธ์น้อยลงหรืออาจไม่เห็นผลลัพธ์เลย ส่วนใหญ่มักเกิดในท่านที่ฉีดโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดบ่อยเกินไป เช่น ฉีดทุก 1-2 เดือน เป็นต้น
ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง
การฉีดโบไม่ถูกตำแหน่งมักพบในคนไข้ท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์หรืออาจจะเป็นแพทย์ที่ยังไม่มีความชำนาญเพียงพอ เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้องจะทำให้โบท็อกมีการกระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่น เกิดผลข้างเคียง เช่น คิ้วตก ตาตก ยิ้มแข็ง ยิ้มเบี้ยว เป็นต้น
ซึ่งหากเกิดอาการคิ้วตก ตาตก ยิ้มเบี้ยวแล้ว จะไม่มีตัวยาแก้นะครับ ต้องรอประมาณ 6 เดือนให้ฤทธิ์โบท็อกสลายไปเองจึงจะหาย
อักเสบติดเชื้อ
สำหรับการอักเสบติดเชื้อจากการฉีดโบท็อกอันที่จริงแล้วพบได้น้อยมากครับ ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นในท่านที่ฉีดกับผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ซึ่งอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการฉีดแบบปลอดเชื้อ( sterilization ) ที่ดี จะใช้เข็มที่ไม่สะอาดไม่มีกระบวนการฆ่าเชื้อที่ผิวหนังก่อนกันทำการฉีด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ครับ
ดังนั้นทางที่ดีหมอแนะนำว่าหากคนไข้ต้องการรับบริการ Botox ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานแพทย์ที่มีความชำนาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. จะปลอดภัยที่สุดครับ
ฉีดโบท็อก เหมาะกับใคร

การฉีดโบท็อกเหมาะสำหรับคนไข้ที่
- ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูสวยงามได้สัดส่วนมากขึ้น
- ต้องการลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- ต้องการปรับสัดส่วนของร่างกายให้ดูสวยงามมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
- คนไข้กลุ่มที่ต้องการฉีด Botox เพื่อการรักษาโรค เช่น ไมเกรน อาการหนังตากระตุก เป็นต้น
สำหรับช่วงอายุที่เริ่มทำโบท็อกสำหรับด้านความงามแนะนำว่าสามารถทำได้ในท่านที่อายุ 18 ปีขึ้นไปครับ แต่ถ้ายังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็ควรต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอมก่อนรับบริการด้วยนะครับ
ใครที่ไม่ควรฉีด Botox
หมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกในท่านที่
- กำลังตั้งครรภ์
- กำลังให้นมบุตรอยู่
- ท่านที่มีสภาวะผิดปกติของเส้นประสาทส่วนปลายร่วมกับกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Disorder) เช่น โรค Myasthenia Gravis
- ท่านที่มีโรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) ครับ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อก
สำหรับการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการฉีด Botoxไม่ได้ถือเป็นข้อบังคับที่จะต้องทำอย่างเคร่งครัด หากท่านใดไม่สะดวกที่จะปฏิบัติตามนี้ก็ยังสามารถเข้ารับการฉีด Botox ได้ตามปกติ
เพียงแต่หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้จะช่วยให้ผลการรักษาเป็นไปได้อย่างดีที่สุด และสามารถลดผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดจากการฉีด เช่น รอยฟกช้ำ รอยเข็ม ให้มีโอกาสเกิดน้อยลงได้มากที่สุด โดยวิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ มีดังนี้
- หากเป็นไปได้ ควรหยุดการใช้วิตามิน ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen Naproxen วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ
- หากเป็นไปได้ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
- ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณริมฝีปากควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา เพราะคุณหมออาจจะพิจารณา ให้ยาป้องกันการกำเริบของโรคเริม หลังฉีดได้ในบางท่าน
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
- หากเป็นไปได้ให้วางแผนรับบริการ Botox ก่อนงานสำคัญต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน หรือก่อนไปเที่ยวสักอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เผื่อกรณีที่หลังฉีดมีรอยฟกช้ำจะได้มีเวลาหายทัน
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์
สำหรับท่านที่สนใจอยากรับบริการฉีด Botox แล้ว ก็คงอยากทราบถึงขั้นตอน ว่าเป็นอย่างไรบ้างใช่ไหมครับ หมอขอบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่ยุ่งยากเลย แจกแจงเป็นลำดับได้ดังนี้
- ขั้นตอนที่ 1 ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความต้องการของคนไข้และแนะนำตำแหน่งที่ควรฉีด Botox ปริมาณยูนิตที่ใช้ รวมถึงแนะนำแบรนด์ของ Botox ที่ใช้ เพื่อให้คนไข้ได้ตัดสินใจเลือกก่อนทำการรักษา
- ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้า คลีนเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกให้สะอาด เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการลงยาชาในลำดับถัดไป
- ขั้นตอนที่ 3 ทายาชา โดยการลงยาชาทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีเพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายมากขึ้นเวลาฉีดครับ และจะทำการเช็ดยาชาออกให้สะอาดอีกครั้ง และเชิญคนไข้ไปที่ห้องฉีด
- ขั้นตอนที่ 4 เช็กผลิตภัณฑ์ ว่าเป็นโบท็อกซ์ของแท้ ตรวจสอบได้ รวมถึงแกะกล่องผสมยาต่อหน้า
- ขั้นตอนที่ 5 มาร์กจุดตำแหน่งฉีด บนใบหน้าเพื่อเป็นไกด์ไลน์ก่อนทำการฉีดจริงครับ
- ขั้นตอนที่ 6 ทำการฉีด Botox โดยฉีดโบท็อกซ์ตามตำแหน่งที่ได้ไกด์ไลน์ไว้ ใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 10-15 นาทีก็เป็นอันเสร็จครับ
- ขั้นตอนที่ 7 แนะนำการดูแลหลังฉีด พนักงานจะแนะนำวิธีการดูแลตนเอง ข้อปฏิบัติ ข้อห้าม หลังการฉีดโบท็อกซ์ ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่ง เพราะอาจมีผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดครับ
- ขั้นตอนที่ 8 นัดหมายเพื่อเช็กอัพ หมอจะมีการนัดคนไข้กลับมาตรวจเช็กซ้ำอีกรอบนึงที่ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อเช็กอัพและอาจจะมีการฉีด Botox เติมให้บางจุดเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบครับ
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีด Botox
สำหรับข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกที่หมอแนะนำ มีดังนี้
- หลังฉีด Botox 1-2 ชั่วโมงแรก พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
- หลังการฉีด 4 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือนอนราบ
- 1 สัปดาห์หลังการรักษา อย่านวด กด หรือกระทำการอันใดที่จะมีผลต่อบริเวณที่รักษาเป็นเวลา เช่น สวมหมวก สวมหมวกกันน็อค หรือนวดหน้า
- ในช่วง 1 สัปดาห์หลังฉีด งดการอยู่ในที่ร้อน เช่น การทำเลเซอร์ อบซาวน่า ปรุงอาหารหน้าเตาร้อน หรือการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลังการรักษาสามารถใช้เครื่องสำอางได้ แต่ควรเบามือ หลีกเลี่ยงการกดถูรุนแรง
- สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้ โดยรอยนูนจากการฉีดจะหายไปเอง ภายในเวลา 1-7 วัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ต่อไป อย่างน้อย 3-7 วัน
- หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใด ๆ ให้ติดต่อทางคลินิกหรือกลับมาพบคุณหมอครับ
หลังฉีดโบท็อก ห้ามทำอะไร
7 อย่างสำคัญที่ห้ามทำช่วงหลังฉีดโบท็อก มีดังนี้
- ห้ามถู นวดใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณจุดที่ฉีด เพื่อให้รอยเข็มหายเร็ว หากถูนวดตรงรอยเข็มอาจทำให้ระคายเคืองและแดงขึ้น หรือทำให้เกิดรอยฟกช้ำ
- นอนหรือคว่ำหน้าหลังฉีด อย่างน้อยควรรอสัก 4 ชั่วโมงก่อนจึงจะนอนได้
- ออกกำลังกายหนัก ๆ ควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอทุกชนิด เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เข้าคลาสแดนซ์ เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดการเจ็บ และขัดขวางการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ต่อจุดที่ฉีดได้
- ดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ไวน์ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยฟกช้ำตามจุดที่ฉีดได้ โดยควรเลี่ยงการดื่มอย่างน้อย 3-7 วัน
- ยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกง่าย ได้แก่ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันตับปลา น้ำมันอีฟนิ่งพรีมโรส เป็นต้น ก็สามาถทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายเช่นกัน ควรงดอย่างน้อย 3-7 วันหลังฉีด
- งดล้างหน้าและทาครีม หลังฉีดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ให้รอยเข็มสมานดีก่อนเพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ
- หลบแดด เลี่ยงความร้อน แสงแดดและความร้อนอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ รอยเข็มอาจบวมขึ้นหรือแดงนานกว่าที่ควร จึงควรเลี่ยงอย่างน้อย 1 สัปดาห์
ฉีดโบท็อกกี่วันเห็นผล
สำหรับคำถามที่ว่าฉีด Botox กี่วันเห็นผล? โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี
- การฉีด Botox ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา คนไข้สามารถเริ่มสังเกตเห็นผลได้หลังฉีดประมาณวันที่ 3 และผลจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์สูงสุดอยู่ที่ประมาณวันที่ 7 หลังฉีด
- ส่วนการฉีดโบท็อกบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม หรือบริเวณน่อง จะใช้เวลาในการเห็นผลช้ากว่า โดยส่วนใหญ่หลังฉีดคนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นผลที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลลัพธ์ได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2 เดือน
ฉีดโบท็อกแล้วจะมีผลอยู่ได้นานเท่าไหร่
โดยทั่วไปผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน แต่ระยะเวลาอาจสั้นหรือยาวกว่านั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่ยี่ห้อและปริมาณยาที่แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะสม ไปจนถึงลักษณะการใช้กล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเข้าซาวน่า หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก ก็อาจส่งผลให้โบท็อกซ์สลายตัวเร็วขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดครับ
โบท็อกยี่ห้อไหนดี? ดูอย่างไรยี่ห้อไหนผ่าน อย.
อันดับแรกเลยที่สำคัญที่สุดในการที่จะเลือกยี่ห้อโบท็อกที่ดีคือ Botox นั้นต้องผ่านการรับรองโดย อย. แล้ว ดังนั้นเบื้องต้นหมอจะแนะนำโบท็อกทุกยี่ห้อที่ผ่าน อย. ไทยในขณะนี้ พร้อมทั้งบอกข้อดีของแต่ละยี่ห้อ
ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วแต่ละยี่ห้อก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน อยู่ที่คนไข้จะเลือกให้ตรงกับความต้องการของตนเอง ชอบจุดดีของแบรนด์ไหนก็เลือกใช้แบรนด์นั้นได้เลย

1. โบท็อกอเมริกา
Botox Allergan หรือ โบท็อกอเมริกา เป็น Botox ที่ถูกคิดค้นและวิจัยขึ้นเป็นยี่ห้อแรกของโลกมีงานวิจัยรับรองมากที่สุด คุณสมบัติพิเศษของ Botox ยี่ห้อนี้คือจะมีการกระจายตัวน้อยทำให้มีความแม่นยำและออกฤทธิ์ได้ดี เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการความตึง เห็นผลอย่างชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึงประมาณ 4-6 เดือน
2. โบท็อกเยอรมัน
โบท็อก Xeomin เป็นโบท็อกสัญชาติเยอรมันที่มีจุดเด่นในด้านความบริสุทธิ์ 100% ปราศจาก ‘Complexing Proteins’ จึงเด่นในเรื่องไม่ก่อให้เกิดอาการดื้อ Botox
ในแง่คุณสมบัติ โบท็อกยี่ห้อนี้จะกระจายตัวน้อย ทำให้มีความแม่นยำ ส่วนการออกฤทธิ์จะค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการทำโบลิฟกรอบหน้า เก็บริ้วรอย ที่เน้นความธรรมชาติมากๆ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เห็นผลได้ดีในเคสที่มีการดื้อโบครับ
3. โบท็อกอังกฤษ
Dysport Botox สัญชาติอังกฤษ มีจุดเด่นในเรื่องของความเห็นผลเร็ว อาจเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 24 ชั่วโมงหลังฉีด ลักษณะการกระจายตัวของยาค่อนข้างกว้างทำให้เหมาะสำหรับการฉีดลิฟกรอบหน้าหรือกราม จะได้ผลค่อนข้างดีครับ นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของ Unit ของ Botox ยี่ห้อนี้จะนับไม่เหมือนแบรนด์อื่น โดยคร่าว ๆ ประมาณ 250 ยูนิตของโบท็อกซ์ยี่ห้อ Dysport เท่ากับ 100 ยูนิตของแบรนด์อื่นครับ
4. โบท็อกเกาหลี
ในปัจจุบันโบท็อกจากประเทศเกาหลีมีหลายยี่ห้อที่ผ่าน อย. ไทย ดังนี้ครับ
- Neuronox เป็นโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลีที่มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ และมีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อย ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียว และแก้ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหดเกร็ง
- Hugel Toxin เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของความตึงครับ เห็นผลดีค่อนข้างชัดเจนและคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน เป็นโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อที่ส่วนตัวหมอรู้สึกว่าค่อนข้างมีความเสถียรในแง่ของผลลัพธ์มากเป็นอันดับต้น ๆ หากเทียบกับโบท็อกซ์เกาหลีแบรนด์อื่น ๆ
- Nabota เป็น Botox เกาหลีที่มีคุณสมบัติค่อนข้างใกล้เคียงกับ Botox Allergan มากที่สุด ในแง่ของคุณสมบัติ ตัวยาแบรนด์นี้จะค่อนข้างตึงดี ผลลัพธ์อยู่นานประมาณ 4-6 เดือน
- Aestox Botox เกาหลีอีกแบรนด์ที่มีจุดเด่นในแง่ของความเป็นธรรมชาติ ตึงกำลังดี การกระจายตัวของยาไม่กว้างมากนัก ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
- Clodew Botox สัญชาติเกาหลีอีก 1 แบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก ตัวนี้เน้นจุดเด่นความเป็นธรรมชาติไม่แข็งตึงเกินไป ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
5. โบท็อกฮ่องกง
BTXA โบท็อกฮ่องกงที่มีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศจีน แบรนด์นี้มีจุดเด่นในเรื่องของราคาที่จับต้องได้แล้วก็โดดเด่นในเรื่องของความตึงเหมาะสำหรับท่านที่ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตัวนี้ผลอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
โดยสรุปจะเห็นได้ว่าโบท็อกซ์ในประเทศไทยมีหลายแบรนด์เลยที่ผ่าน อย. แล้ว โดยสามารถเช็คผ่านเว็บของทาง อย. ได้โดยตรง ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป การจะตัดสินใจเลือกฉีดแบรนด์ไหนก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือเมื่อเลือกแบรนด์แล้วต้องมั่นใจว่าตัวยาที่ใช้นั้นเป็นของแท้จริง ๆ
ฉีดโบท็อกราคาเท่าไหร่
สำหรับราคาในการฉีด Botox จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เพราะโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อจะมีราคายูนิตไม่เท่ากันอยู่แล้ว และในการฉีดแต่ละจุด ในแต่ละท่านก็ใช้จำนวนยูนิตที่ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยทั่วไปราคาก็จะคิดตามยูนิต
นอกจากนี้หากเทียบราคา Botox ยี่ห้อเดียวกันในแต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่ไม่เท่ากันอีก ดังนั้นคนไข้จึงจำเป็นต้องพิจารณาเลือก โดยคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวที่กล่าวมาทั้งหมด อย่างที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะมีราคาให้คนไทยเลือกหลายแบบ มีทั้งราคาที่คิดตามจำนวนยูนิตจริงที่ใช้ ซึ่งมักจะแนะนำในท่านที่ต้องการฉีดบนใบหน้าเพียง 1-2 ตำแหน่งเท่านั้น
และมีราคาที่คิดเป็นแบบ Package ซึ่งมี 2 แพ็คเกจให้เลือกครับ ได้แก่
- แพ็คเกจ “All about Wrinkles” สำหรับฉีดริ้วรอย หน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา 3 จุดแบบไม่จำกัดยูนิต
- แพ็คเกจ “M V Shape” สำหรับฉีดลดกรามแบบไม่จำกัดยูนิต แบบแพ็คเกจนี้จะเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการฉีดเน้นเฉพาะตาม Package ครับ

และสุดท้ายจะเป็นราคาแบบเหมาขวด 100 ยูนิต “Full Bottle Package” ซึ่งสำหรับท่านที่ต้องการฉีดหลายตำแหน่งหมอแนะนำว่าฉีดแบบนี้จะดีที่สุดครับ เพราะเราจะได้ใช้โบท็อกซ์ขวดนี้เป็นของเราเองทั้งขวด ได้ปรับทั้งริ้วรอยและรูปหน้าไปพร้อม ๆ กันทั่วใบหน้า และนอกจากนี้ราคาแบบเหมาขวดนี้ทางเอ็มวีต้าคลินิกจะพิเศษมีโปรโมชั่นแถมเมโสแฟตให้อีกสองโดสอีกด้วย ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์มากที่สุดครับ
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี
ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะราคาไม่สูง มีความปลอดภัย เห็นผลเร็ว ในการช่วยลบเลือนริ้วรอย ปรับหน้าเรียว และแก้ไขปัญหาส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และคลินิกที่ให้บริการฉีดโบท็อกซ์นั้นก็มีมากมาย ในการที่คนไข้จะตัดสินใจเลือกรับบริการฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดีนั้น มาดูกันครับว่าควรเลือกจากอะไร
- ข้อแรก ตรวจสอบให้แน่ชัด ว่าคลินิกนั้น ได้เปิดอย่างถูกต้อง ได้รับรองภายใต้กระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ สำคัญที่สุดที่ต้องดู สามารถตรวจสอบได้จาก ป้ายชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลัก และชื่อแพทย์ โดยเช็คได้จาก https://checkmd.tmc.or.th/ ครับ
- คลินิกควรสะอาด ปลอดภัย พื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด
- ฝีมือ และ ประสบการณ์ของแพทย์สำคัญมาก ๆ ครับ ไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะฉีดได้ และไม่มีพนักงานหรือพยาบาลเป็นผู้ฉีดให้นะครับ เทคนิคการฉีดมีความสำคัญ จึงควรเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มายาวนานเท่านั้น เพราะจะต้องมีความแม่นยำในการฉีด และต้องประเมินจำนวนยาที่ใช้ในแต่ละจุดได้อย่างเหมาะสมครับ
- ทีมแพทย์ที่มีความรู้เป็นอย่างดี สามารถประเมินใบหน้าอย่างเชี่ยวชาญ และแนะนำการรักษาที่เหมาะสม ไม่ Hard Sell จนเกินไป สามารถออกแบบและประเมินใบหน้าในสัดส่วนที่พอดี และเป็นธรรมชาติ สิ่งไหนควรทำ หรือไม่ควรทำ ต้องแนะนำอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจครับ
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อของ Botox ที่ผ่าน อย. และตรวจสอบได้ แน่ใจว่าคลินิกนั้นยินดีให้ตรวจสอบยา และเปิดกล่องผลิตภัณฑ์ต่อหน้า กล่องใหม่ ที่สะอาด ปลอดภัย และไร้สิ่งเจือปน
- ราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ปริมาณในการใช้ ควบคู่ไปกับราคาที่เหมาะสมครับ
- รีวิว ที่น่าเชื่อถือ และเป็นรีวิวจากผู้มาใช้บริการจริง สามารถตรวจสอบได้จากทุกช่องทาง ที่สามารถเขียนรีวิวได้ เพื่อให้มีความมั่นใจในการเข้าไปรับบริการครับ
- มีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว
ทำไมต้องฉีดโบท็อกที่ Mvita Clinic

ที่เอ็มวีต้า คลินิก เราให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุด นำโดย นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล หรือหมอเอ็ม แพทย์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้องและมีประสบการณ์ฉีดโบท็อกซ์ยาวนานถึง 14 ปี พร้อมเทคนิคการฉีดเฉพาะตัว ที่ให้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ เราเน้นการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ทุกเคส ไม่มีการขายคอร์สกดดัน โดยคุณหมอจะประเมินและแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่าน
เพื่อความมั่นใจสูงสุด เราเลือกใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่รับจากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรงและยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกครั้ง ประกอบกับเครื่องมือที่ทันสมัยและสะอาด พร้อมเทคโนโลยีช่วยลดความเจ็บและรอยช้ำ เช่น เครื่องส่องเส้นเลือด (Vein Viewer) และการทายาชาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ยิ่งไปกว่านั้น เรายังมีบริการดูแลหลังฉีดด้วยการนัดติดตามผลใน 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และเติมยาให้ฟรีหากจำเป็น คุณภาพทั้งหมดนี้การันตีด้วยรางวัลมากมายและรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการบนทุกแพลตฟอร์ม ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดจากเรา
คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผล?
การฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลนั้น ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย (หน้าผาก, ตีนกา) เริ่มเห็นผลใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ ส่วนการฉีดเพื่อลดกราม/น่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2-4 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ใน 2 เดือน
ฉีดโบท็อกแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ Botox นั้น โดยปกติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ยี่ห้อที่ฉีด ขนาดของยูนิตที่ใช้ เทคนิคในการฉีด และนอกจากนี้ปัจจัยในส่วนของคนไข้แต่ละท่านก็มีผลต่อระยะเวลาของโบท็อกซ์เช่นกัน ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วอย่างละเอียดในหัวข้อด้านบนครับ ซึ่งโดยปกติแล้วระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ Botox จะอยู่ที่ประมาณ 4-6 เดือนครับ
แพ้โบท็อก ดูอย่างไร
สำหรับอาการแพ้ Botox ถึงแม้ว่าจะเกิดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่าพบน้อยมาก ๆ ครับ ในประเทศไทยเท่าที่หมอทราบยังไม่เคยพบคนไข้ที่มีอาการแพ้เลยครับ ส่วนในต่างประเทศ จนถึง ณ วันนี้ก็พบรายงานเคสที่แพ้เพียง 1-2 เคส ตั้งแต่มีการฉีด Botox มาอย่างยาวนานทั่วโลกครับ
สำหรับอาการที่เป็นลักษณะของการแพ้โบท็อก มีดังต่อไปนี้ครับ
- ปากบวม คอบวมหรือใบหน้าบวมขึ้น
- หายใจลำบาก
- หอบหืด
- คัน หรือมีผื่นลมพิษ
ซึ่งอาการแพ้หากเกิดขึ้นก็ไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต สามารถรักษาได้ครับอย่างไรก็ตามเนื่องจากพบได้น้อย ในทางปฏิบัติจึงไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจอาการแพ้ต่อ Botox ในคนไข้ก่อนฉีด และหมอขอยืนยันเลยว่าคนไข้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการแพ้นะครับ เพราะโอกาสเกิดน้อยมากจริง ๆ ครับ
โบท็อกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร
Botox กับฟิลเลอร์ มีคุณสมบัติในการรักษาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
- โบท็อกซ์ มีคุณสมบัติหลัก ๆ คือ การลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย นิยมในการฉีดโบกรามเพื่อลดสัดส่วนบนใบหน้า ลดการทำงานกล้างเนื้อบ่า น่อง หรือ Botox รักแร้ลดการทำงานของต่อมเหงื่อใต้วงแขน เป็นต้นครับ
- ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็ม เพื่อเติมเต็มส่วนที่หายไป ไม่ได้รูป เช่น บริเวณใต้ตาที่ดำคล้ำ ลึก ใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มได้ครับ บริเวณร่องแก้ม ร่องขมับลึก หรือเติมเต็มริมฝีปากให้ได้รูปสวยงาม เป็นต้นครับ
โบท็อกอเมริกาต่างจากโบท็อกเกาหลีอย่างไร
Botox อเมริกาและเกาหลี แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นต่างกันไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ ความบริสุทธิ์ของตัวยา protein complex ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ ขนาดของยูนิต ราคา รวมถึงความต้องการในการฉีดรักษาแต่ละบริเวณ สามารถเปรียบเทียบกันได้ดังนี้
- โบท็อกอเมริกา Allergan Botox: มีความบริสุทธิ์มากลดโอกาสในการดื้อยาได้ มีการออกฤทธิ์ที่แม่นยำ ตัวยาเมื่อฉีดแล้วจะกระจายตัวน้อย ระยะเวลาออกฤทธิ์นานกว่า Botox เกาหลี คือประมาณ 4-6 เดือน แต่ราคาจะค่อนข้างสูง
- โบท็อกเกาหลี Hugel Toxin: ออกฤทธิ์ไวกว่า Botox อเมริกาเล็กน้อย เห็นผลไวปลอดภัยจากสารปนเปื้อน ป้องกันการดื้อยาได้ในระดับนึง อยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือน
โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด?
โบท็อกซ์ยี่ห้อที่ดี คือ โบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ไทย ทุกยี่ห้อมีคุณภาพและปลอดภัย แต่มีจุดเด่นต่างกัน
- Allergan (อเมริกา) ต้นฉบับดั้งเดิม มีความบริสุทธิ์สูง แม่นยำสูง เหมาะกับการเก็บรายละเอียดริ้วรอย
- Xeomin (เยอรมัน) มีความบริสุทธิ์สูงมาก เพราะไม่มีโปรตีนผสม (Zero Protein) ลดโอกาสดื้อยาได้ดี
- Dysport (อังกฤษ) กระจายตัวได้กว้างและเห็นผลค่อนข้างไว เหมาะกับการลิฟต์กรอบหน้า
- โบท็อกซ์เกาหลี (Nabota, Aestox, Hugel) เป็นที่นิยมมาก คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงง่าย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถแนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณได้ดีที่สุดครับ
ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไหร่?
ราคาจะขึ้นอยู่กับ ยี่ห้อของโบท็อกซ์ และ จำนวนยูนิต ที่ใช้ ซึ่งแต่ละบริเวณและแต่ละบุคคลจะใช้ไม่เท่ากัน การประเมินโดยแพทย์จึงจำเป็นที่สุด ที่ M Vita Clinic เรามีทั้งราคาแบบคิดตามยูนิตจริง และแบบเหมาขวด (100 ยูนิต) ซึ่งคุ้มค่ากว่าสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดหลายตำแหน่ง
ฉีดโบท๊อกที่ไหนดี? ทำไมต้องที่ M Vita Clinic
การเลือกคลินิกเป็นหัวใจสำคัญของผลลัพธ์และความปลอดภัย ที่ M Vita Clinic เรายึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดเพื่อความพึงพอใจของคุณ ซึ่งที่ M Vita Clinic เราดูแลทุกเคสโดยหมอเอ็ม
รีวิวโบท็อก
รีวิว โบท็อกลดตีนกา โบท็อกหางตา จากคุณนัตโต่ะ




รีวิว โบท็อกลดริ้วรอยทั่วใบหน้า จาก คุณส้ม ศศิธร



รีวิว โบท็อกกราม ลดขนาดปีกจมูก จาก น้องมังกร


รีวิว โบท็อกลดริ้วรอย หน้าผาก หัวคิ้ว จาก น้องมังกร


รีวิว โบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก หัวคิ้ว รอบดวงตา จาก คุณกันดั้ม




รีวิว โบท็อกกราม จาก คุณอุ้ม


ข้อสรุป
จะเห็นได้ว่าการฉีดโบท็อกซ์สามารถรักษาปัญหา ทั้งด้านความงามและโรคบางชนิดอย่างได้ผลดี และปลอดภัยมาก ๆ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่าน อย. อีกทั้งขั้นตอนการรักษาก็ใช้เวลาไม่นานด้วยครับ
หากท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกสนใจ อยากเข้ารับบริการโบท็อก หรือหากอยากต้องการประเมินผิวหน้า สามารถติดต่อนัดคิวพบหมอ หรือสอบถามโปรโมชั่น ได้ที่…
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมาก ๆ ครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
เอกสารอ้างอิง
- Kane MAC, Monheit G. The practical use of AbobotulinumtoxinA in aesthetics. Aesthet Surg J. 2017;37(suppl_1):S12-S19. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5434487/?report=reader
- Samizadeh S, De Boulle K. Botulinum neurotoxin formulations: overcoming the confusion. Clin Cosmet Investig Dermatol. 2018;11:273-287. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5988049/?report=reader
- Montecucco C, Molgó J. Botulinal neurotoxins: revival of an old killer. Curr Opin Pharmacol. 2005;5(3):274–279. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15907915
- Pirazzini M, Rossetto O, Eleopra R, Montecucco C. Botulinum neurotoxins: biology, pharmacology, and toxicology. Pharmacol Rev. 2017;69(2):200–235. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5394922/?report=reader
- Burgen AS, Dickens F, Zatman LJ. The action of botulinum toxin on the neuro-muscular junction. J Physiol. 1949;109:10–24. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1392572/
วันเผยแพร่