รักษาสิว วิธีรักษาสิว

รักษาสิว วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง และ วิธีรักษาสิวที่แพทย์แนะนำ

รักษาสิว วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง และวิธีรักษาสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์ ทั้ง 2 วิธีนี้ ควรดูแลควบคู่การรักษาไปพร้อมๆกัน เนื่องจากปัญหาสิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย สาเหตุหลักของการเกิดสิวของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเองครับ

บทความนี้ หมอได้ทำการรวบรวม วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง และ วิธีรักษาสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์ ที่จะช่วยลดสิว กู้ผิวให้กลับมาเนียนใส พร้อมทั้งวิธีการป้องกัน ทำยังไงไม่ให้กลับมาเป็นสิวซ้ำๆ ใครที่กำลังสงสัยหรือกังวลใจกับสิวอยู่ ต้องดูนะครับ

สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากอะไร

สิว คืออะไร เกิดจากอะไร
สิว คืออะไร เกิดจากอะไร

สิว (Acne) คือ ปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง หรือหนอง มักขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าอก ไหล่ คอ และหลัง สาเหตุหลักของการเกิดสิวคือความมันบนใบหน้าที่มากเกินไป ร่วมกับการอุดตันของรูขุมขนจากสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

หากท่านใดอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> สิวเกิดจากอะไร <<

รักษาสิวกับแพทย์
Line @ : @mvitaclinic

วิธีรักษาสิว

วิธีรักษาสิว รวมวิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง และวิธีรักษาสิวด้วยเทคนิคทางการแพทย์ การดูแลรักษาสิวด้วยตัวเองก็สำคัญมากๆเลยครับ หมอแนะนำวิธี ดังนี้

1. การทำความสะอาดผิว และ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

การทำความสะอาดผิว และ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
การทำความสะอาดผิว และ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคืองผิว จะช่วยให้ผิวทนต่อผลข้างเคียงที่เกิดจากยารักษาสิว เช่น ผิวแห้ง แสบ แดง ระคายเคืองผิวหนัง หรือไวต่อแสงแดด แนะนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ป้องกันแดงแดด หมอมีรายละเอียดแนะนำ ดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว : หมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ไม่มีการระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่อุดตัน ไม่ก่อให้เกิดสิว และไม่ก่อให้เกิดสิว หมอไม่แนะนำให้ใช้สครับนะครับ
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งลอก ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สูตร Water-based ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่อุดตัน และไม่ก่อให้เกิดสิว
  • ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด : ควรเลือกครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UV A และ B ไม่อุดตัน ไม่ก่อให้เกิดสิว ไม่มัน ครีมกันแดดช่วยลดอาการผิวไวต่อแสงจากการใช้ยารักษาสิวและป้องกันการเกิดรอยดำสิวด้วยครับ

2. รักษาสิวด้วยการคุมอาหาร

รักษาสิวด้วยการคุมอาหาร
รักษาสิวด้วยการคุมอาหาร

การเลือกรับปะทานอาหารให้เหมาะสมสำหรับผู้ที่คิดว่าสิวเกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหารบางชนิดถูกต้องแล้วครับ อาหารที่ควรงด ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม เนย ช็อคโกแลต ขนมอบ และขนมหวาน แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้เพราะช่วยลดการเกิดสิว ในอีกทางหนึ่ง

3. การรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมตัวเอง

การรักษาสิวด้วยการปรับพฤติกรรมตัวเอง-01
การรักษาสิวด้วยการปรับพฤติกรรมตัวเอง

การปรับพฤติกรรมการดูแลผิวจะช่วยทำให้สิวขึ้นใหม่น้อยลงได้ครับ ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการบีบ เกา หรือแกะสิว เพราะอาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงได้ และอาจเกิดรอยแผลเป็นได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เพื่อลดการปนเปื้อนที่เกิดจากเชื้อโรคหรือฝุ่นละออง ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้
  • รักษาผิวหน้าให้สะอาดที่สุด ควรล้างหน้าให้สะอาดวันละสองครั้ง เช้าและเย็น หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าให้มากที่สุด จะช่วยลดการอุดตันได้ครับ
  • สระผมทุกวันถ้าผมมัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลหรือโทนเนอร์ที่ทำให้ผิวแห้งมาก
  • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

การดูแลรักษาสิวด้วยตัวเอง อาจใช้เวลานาน บางครั้งเลือกรักษาผิววิธี เสียทั้งตัง และยิ่งไม่เหมาะสมกับสภาพผิวก็อาจจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แย่กว่าเดิมได้ครับ นอกจากการดูแลตัวเองแล้วหมอมีวิธีการรักษาสิว ด้วยเทคนิคทางการแพทย์ ที่ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่ดี ชัดเจน ด้วยวิธี ดังนี้ครับ

4. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสิว

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสิว
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสิว

หากการลองรักษาสิวด้วยตัวเองแล้วยังไม่ได้ผล หรือสิวแย่ลงกว่าเดิม หมอขอแนะนำว่าการได้รับคำปรึกษาและการดูแลจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาสิว จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดสิวอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยที่ต้องรักษาต่อไป

รักษาสิวกับแพทย์
Line @ : @mvitaclinic

5. การกดสิว

การกดสิว
การกดสิว

การกดสิวสามารถช่วยลดการอุดตัน ซึ่งสิวอุดตันเกิดจากสิ่งสกปรก น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวหัวดำและสิวหัวขาว การกดสิวสามารถช่วยกำจัดสิ่งอุดตันเหล่านี้ออกจากรูขุมขน ทำให้สิวแห้งยุบตัวลง และช่วยลดโอกาสที่สิวจะพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ

อย่างไรก็ตาม การกดสิวจำเป็นต้องทำอย่างถูกวิธี โดยควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี เพราะหากกดสิวไม่ถูกวิธี อาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้น เกิดรอยดำ รอยแดง หรือรอยหลุมสิวได้

นอกจากการกดสิวแล้ว การรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพยังต้องอาศัยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การใช้ยาทาหรือกินยารักษาสิว การทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิว เช่น การรับประทานอาหารมัน หวาน แป้ง การนอนดึก เครียด เป็นต้น

6. การใช้ยารักษาสิวชนิดกิน

การใช้ยารักษาสิวชนิดกิน
การใช้ยารักษาสิวชนิดกิน

– ยาปฏิชีวนะชนิดทาน Antibiotics

ยาปฏิชีวนะชนิดทาน มักใช้รักษาสิวระดับปานกลางถึงรุนแรง ป้องกันการดื้อยาของแบคทีเรีย C.acnes ซึ่งปัจจุบันมีพบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

สำหรับตัวยาทานที่นิยมใช้ ได้แก่

  • Doxycycline หรือ Minocycline เป็นยาปฏิชีวนะอันดับแรกที่แนะนำ มีฤทธิ์ในการต่อสู้กับ C.acnes และลดการอักเสบของสิว
  • Erythromycin หรือ Azithromycin เป็นยาทางเลือกที่ 2 และแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ Doxycycline ได้ เช่น หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือผู้ที่แพ้ยาด็อกซีไซคลิน เป็นต้น
  • ยาอื่นๆ เช่น Cotrimoxazole (TMP/SMX), เพนิซิลลิน และ เซฟาโลสปอริน เป็นยาทางเลือกที่ 3 เมื่อไม่สามารถใช้ยาทางเลือกที่หนึ่งและสองได้จริงๆ

การรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิว ควรใช้ร่วมกับยาทาอื่นๆ โดยเฉพาะ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือ เรตินอยด์ เพื่อป้องกันการดื้อยา และต้องรับประทานยากลุ่มนี้อย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ เพื่อประเมินว่าเห็นผลหรือไม่ และระยะเวลาในการรับประทานยาต้องอยู่ภายใน 3 เดือน (หากจำเป็นสามารถรับประทานได้นานถึง 6 เดือน) และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์นะครับ

– ไอโซเตตริโนอิน Isotretinoin

ยาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ที่ได้ผลลัพธ์เป็นอย่างดี พร้อมมีงานวิจัยรองรับมากที่สุด คือตัวยาในกลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ Isotretinoin (13-cis-retinoic acid) ที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับสิว ต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง ทำให้ต่อมน้ำมันมีขนาดเล็กลง ผลิตและขับน้ำมันน้อยลง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอุดตันของรูขุมขนโดยตรงอีกด้วย อีกทั้งยังมีผลทางอ้อมในการลดปริมาณแบคทีเรีย C.acnes ที่ทำให้เกิดสิว ลดการอักเสบจึงทำให้สิวใหม่ลดลงอย่างแน่นอน

ยานี้มีประโยชน์มาก แต่ผลข้างเคียงมากมาย จึงควรใช้ในผู้ป่วยที่เป็นสิวรุนแรงมาก และต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ที่สำคัญสตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้ยานี้ เนื่องจากอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ครับ

7. การใช้ยารักษาสิวชนิดทา

การใช้ยารักษาสิวชนิดทา
การใช้ยารักษาสิวชนิดทา

การรักษาสิวด้วยยาทารักษาสิว เป็นวิธีการรักษาสิวโดยต้องกดสิว แต่สามารถใช้ร่วมกับการกดสิวได้เช่นเดียวเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

หมอจะแนะนำการรักษาสิวด้วยยาทา ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการวิจัยว่าสามารถลดการอุดตันของรูขุมขนและสิวอักเสบได้

  • Topical Retinoids เรตินอยด์เฉพาะที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ

เป็นกลุ่มยาที่ใช้เป็นหลักภายนอกเพื่อรักษารูขุมขนที่อุดตันและมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเกิด Microcomidone  ซึ่งเป็นรูขุมขนอุดตันในระยะแรก ช่วยป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งจะทำให้รูขุมขนที่อุดตันก่อนหน้านี้หลวมตัวและหลุดออก ทำให้สิวเก่าหายไปและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ นอกจากนี้ยานี้อาจช่วยลดการอักเสบของสิวได้

รักษาสิวกับแพทย์
Line @ : @mvitaclinic

ต้องใช้เวลาในการใช้ยากลุ่มนี้จึงจะเห็นผล และใช้ยาต่อไปอย่างน้อย 2 – 3 เดือน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ ยาจะออกฤทธิ์และค่อยๆขับสิวอุดตันในรูขุมขนออกมา หลังจากสัปดาห์ที่ 2 ไปแล้ว บางคนกังวลเรื่องสิวอักเสบที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการขับสิ่งอุดตันรูขุมขนออก บางคนอาจสังเกตเห็นสิวอักเสบเกิดขึ้นหลังจากใช้ยากลุ่มนี้มาระยะหนึ่งแล้ว นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากในกลุ่มนี้หยุดใช้ยานี้ระหว่างทาง

Topical Retinoids ซึ่งเป็นกลุ่มยาเฉพาะที่จากกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ปัจจุบันมีจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ได้แก่ เตรติโนอิน (Retin-A3, Retacnil) , ADAPALENE  (Differin)

  • ยาทากลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ Benzoyl Peroxide

เป็นยาเฉพาะที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ทำให้รูขุมขนที่อุดตันหลวมตัวลง อย่างไรก็ตาม มีความอ่อนกว่าอนุพันธ์ของวิตามินเอเฉพาะที่

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่ายากลุ่มนี้หากโดนเสื้อผ้าสีอาจเป็นด่างได้ หากโดนผมอาจจะทำให้ผมขาวได้ครับ

Benzoylpure สามารถใช้ควบคู่กับ tretinoin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมสิว แต่ควรทาแยกกับ เพื่อลดการระคายเคืองและลดปฏิกิริยาระหว่างตัวยาด้วยครับ

  • ยาทากรดอะเซเลอิค Azelaic acid

กรดอะเซเลอิค Azelaic acid ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสิวและยังช่วยละลายรูขุมขนที่อุดตัน และยังช่วยรักษาจุดด่างดำที่เกิดจากสิวอีกด้วย ยานี้อาจทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองในบางคน โดยเฉพาะในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกของการใช้ และไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบ

  • ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทา Topical Antibiotics

Topical Antibiotics ฆ่าเชื้อแบคทีเรียออกฤทธิ์โดยตรงกับแบคทีเรีย C.acnes ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับกลไกการพัฒนาของสิว ยากลุ่มนี้ยังช่วยลดการอักเสบจึงเหมาะสำหรับใช้ในผู้ป่วยที่เป็นสิวอักเสบ 

สำหรับยาในกลุ่มนี้พบปัญหาการดื้อยาค่อนข้างบ่อย ดังนั้น แพทย์จึง ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้เพื่อรักษาสิวตัวเดียวอาจไม่เห็นผล ให้ใช้ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่นๆ เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด

  • ยาทากลุ่มกรดซาลิไซลิก Salicylic acid

ยากลุ่มนี้จัดอยู่ในประเภทกรดเบต้าไฮดรอกซีหรือ BHA ซึ่งหลายท่านอาจเคยได้ยิน กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมที่พบในครีมและเครื่องสำอางที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์หลายชนิด โดยทั่วไปจะใช้ที่ความเข้มข้น 0.5 ถึง 2% การทำงานของกรดซาลิไซลิกนี้จะขัดผิวและยับยั้งการเกิด comidone อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบอีกด้วย

  • ยาทาที่มีส่วนผสมของกำมะถัน Sulfur

กำมะถันมีความสามารถในการละลายคอเมโดน ทำให้ผิวแห้งขึ้นจึงช่วยรักษาปัญหาสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี

8. รักษาสิวด้วยฮอร์โมน

รักษาสิวด้วยฮอร์โมน
รักษาสิวด้วยฮอร์โมน

ยาฮอร์โมน รวมถึงยาคุมกำเนิด มักใช้รักษาสิว เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มฮอร์โมนเพศหญิง มันออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนซึ่งเป็นสาเหตุของสิว ถือเป็นทางเลือกเฉพาะผู้ป่วยสตรีเท่านั้น ผู้ที่เป็นสิวปานกลางหรือรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาสม่ำเสมอ หรือผู้ป่วยสตรีที่มีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ อาจมีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงผิดปกติ

การรักษานี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาสิวอื่นๆ เช่น สามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาสิวในผู้ป่วยสตรีที่ใช้ยารักษาสิวหรือยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน

การรักษาสิวด้วยยาคุมกำเนิด จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหากรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน และโดยปกติจะต้องรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลา 6 ถึง 12 เดือนจึงจะเห็นผลเต็มที่

9. รักษาสิวด้วยการบำบัดด้วยแสง

รักษาสิวด้วยการบำบัดด้วยแสง
รักษาสิวด้วยการบำบัดด้วยแสง

พลังงานของกลุ่มการบำบัดด้วยแสงจะมีลักษณะ คือ แสงที่ปล่อยออกมามีความยาวคลื่นหลายช่วง ไม่จำกัดเฉพาะความยาวคลื่นเฉพาะ แต่อยู่ในช่วงกว้าง เช่น 400-1500 นาโนเมตร เป็นต้น

  • เทคโนโลยีนี้คือ IPL Intensed Pulsed Light ซึ่งเป็นพลังงานแสงที่มีความเข้มสูง พลังงานมีทั้งแสงและความร้อนจึงออกฤทธิ์ทั้งสิวและต่อมน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วย IPL มีข้อจำกัดคือความยาวคลื่นของแสงที่ปล่อยออกมากว้าง (สเปกตรัมกว้าง) ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้พลังงานสูงได้ จึงช้ากว่าพลังงานของกลุ่มเลเซอร์
  • โฟโตนิวมาติกเทอราพี Photopneumatic Therapy เป็นการพัฒนามาจาก  IPL แบบขยายที่ใช้แรงดันลบเพื่อสร้างการดูด เป็นเครื่องสุญญากาศ (นิวเมติก) ดูดหัวสิวออก จากนั้นบีบสิวและหนองออก จากนั้นฉายแสงในช่วงความยาวคลื่น 400-1200 นาโนเมตร เพื่อส่งความร้อนไปยังต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง และแสงก็ฆ่าซีสิวได้เช่นกัน
  • โฟโตไดนามิก เทอราพี Photodynamic Therapy การรักษานี้เป็นส่วนขยายของการบำบัดด้วยแสงเลเซอร์ความเข้มต่ำ ซึ่งหมายความว่าแพทย์ของคุณจะใช้ยาก่อนที่บำบัดด้วยแสง จะทาตัวยา 5-Aminolaevulinic acid (5-ALA) ทั่วใบหน้าเป็นครั้งแรกเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงฉายรังสี เมื่อใช้ยาที่เรียกว่า 5-ALA จะสะสมอยู่ในต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง เมื่อฉายแสง แสงจะกระทบต่อต่อมน้ำมันโดยตรง

10. การรักษาสิวด้วยเลเซอร์สิว

การรักษาสิวด้วยเลเซอร์สิว
การรักษาสิวด้วยเลเซอร์สิว

เลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานแสงในช่วงความยาวคลื่นเฉพาะเพื่อรักษาปัญหาผิวต่างๆ พลังงานที่ใช้ในเลเซอร์รูปแบบเหล่านี้ สามารถนำมาใช้รักษาปัญหาผิวต่างๆได้ ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า กลุ่มเลเซอร์มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจหลายประเภท ได้แก่

  • การรักษาด้วยเลเซอร์ระดับต่ำ

วิธีนี้ใช้ระดับพลังงานต่ำในการยิงแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะอย่างต่อเนื่องที่ผิวหน้าหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายในระยะเวลาค่อนข้างนาน เช่น 15 ถึง 30 นาที

ผ่านการวิจัยพบว่าช่วงความยาวคลื่นต่อไปนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว ที่ความยาวคลื่นของแสงสีน้ำเงินอยู่ที่ 415 นาโนเมตร และความยาวคลื่นของแสงสีแดงคือ 633 นาโนเมตร และสามารถใช้ได้โดยใช้แสงสีเดียวหรือรวมกัน ด้วยการใช้แสงเลเซอร์ทั้งสองความยาวคลื่นนี้ จะส่งผลยับยั้งแบคทีเรีย C.acnes เป็นอย่างดี

แสงสีน้ำเงินมีข้อดีคือสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีกว่า แต่มีข้อเสียคือไม่ทะลุผิวหนังได้ลึกเท่ากับแสงสีแดง ดังนั้นเมื่อใช้ร่วมกันลักษณะและข้อดีของความยาวคลื่นทั้งสองจะได้รับผลกระทบ

  • เลเซอร์แสงสีเหลือง การศึกษาพบว่าแสงในช่วงความยาวคลื่นสีเหลืองจากเทคโนโลยีเลเซอร์เครื่องต่างๆ เช่น ความยาวคลื่น 577, 578 และ 595 นาโนเมตร ช่วยรักษาสิวได้ แสงกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโดยตรงกับแบคทีเรีย C.acnes
  • เลเซอร์แสงสีเขียว แสงที่มีความยาวคลื่นสีเขียว 532 นาโนเมตร ที่เป็น long pulsed การศึกษาพบว่ายังมีประโยชน์ในการรักษาสิวอีกด้วย ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ต่อต้านแบคทีเรีย เมื่อเทียบกับเลเซอร์แสงสีเหลือง เลเซอร์สีเขียวมีประสิทธิภาพน้อยกว่าและไม่เป็นเป็นที่นิยม
  • เลเซอร์อินฟราเรด มีการศึกษาแสง long pulsed ในช่วงความยาวคลื่นอินฟราเรด 1,064 ช่วยรักษาสิว โดยออกฤทธิ์ที่ต่อมน้ำมันใต้ผิวหนังและแบคทีเรีย C.acnes

รักษาสิวที่เอ็มวีต้าคลินิก

เอ็มวีต้า คลินิก คลินิกรักษาสิว
เอ็มวีต้า คลินิก คลินิกรักษาสิว

รักษาสิว ที่มา แนวคิด โปรแกรมรักษาสิว ของ เอ็มวีต้าคลินิก

  1. ลดการขับน้ำมันของต่อมน้ำมัน ด้วยสูตรตัวยาที่ผ่านงานวิจัยรับรองผลที่ทาง เอ็มวีต้าคลินิก เลือกใช้ จะทำให้ผิวขับน้ำมันน้อยลงอย่างชัดเจน ภายใน 4 สัปดาห์
  2. ลดการอุดตันของรูขุมขน ด้วยตัวยาประสิทธิภาพสูงของ เอ็มวีต้าคลินิก และร่วมกับเทคนิคพิเศษของการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญที่ละเอียดเป็นพิเศษไม่เหมือนที่อื่น สิวอุดตันจะลดลงตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษาและจะดียิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
  3. ลดจำนวนแบคทีเรียที่ผิวและในรูขุมขน ด้วยตัวยาและวิธีการฆ่าเชื้อสิวด้วยการฉายแสง ที่ได้ผลดีและผ่านงานวิจัยในผลลัพธ์ สามารถลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียลงได้ สิวจึงเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
  4. ลดและป้องกันการอักเสบของสิว จากทั้งตัวยา การฉายแสง การฉีดสิว และการทำ Acne Spark เทคนิคเฉพาะของ เอ็มวีต้าคลินิก ให้สิวยุบลงภายใน 24 ชม หลังทรีตเม้นท์
รักษาสิวกับแพทย์
Line @ : @mvitaclinic

รักษาสิว โปรแกรมกดสิว ทรีทเมนท์รักษาสิว ACNICLEAR

โปรแกรมกดสิว
โปรแกรมกดสิว

AcniClear เป็นคอร์สรักษาสิว 5 ขั้นตอนที่ออกแบบโดยหมอเอ็มเพื่อให้เหมาะกับแนวคิดการรักษาสิว หากต้องการจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุของสิวจริงๆ โปรแกรมนี้จะช่วยเคลียร์สิว และรักษาสิวอุดตัน แต่อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ที่เป็นสิวรุนแรง บวม แดง และสิวอักเสบ ด้วยคอร์สรักษาสิวและเลเซอร์รอยสิวครบสูตร โปรแกรม Medi-Aclear จะเห็นผลดีขึ้นตั้งแต่การรักษาครั้งแรก และจะได้ผลลัพธ์ที่ดีหากเข้ารักษาอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์

เลเซอร์รักษาสิว โปรแกรม Lumac-Clear

โปรแกรมรักษาสิว เลเซอร์สิว
โปรแกรมรักษาสิว เลเซอร์สิว

Lumac-Clear รักษาสิว เลเซอร์รักษาสิว เป็นการรักษาสิวโดยไม่ต้องใช้ไอโซเตรติโนอิน ทดแทนด้วยเลเซอร์รักษาสิวและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการลดการทำงานของต่อมไขมันด้วย เลเซอร์ Long Pulse Diode Laser 1450nm ตัดต้นต่อสาเหตุการเป็นสิว โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับการรักษาสิวด้วยยาไอโซเตรติโนอิน เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ สตรีมีครรภ์ และวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ยังมีการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่โปรแกรมนี้ไม่รวมเลเซอร์ลดการอักเสบของสิว หากต้องการรักษาสิว เลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์รักษารอยสิว แบบครบสูตร ขอแนะนำโปรแกรม Ultima-Clear ครับ

คอร์สรักษาสิว ราคา
คอร์สรักษาสิว ราคา

สามารถดูรายละเอียด คอร์สรักษาสิว เพิ่มเติมได้ที่ >> คอร์สรักษาสิว <<

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับรักษาสิว ( Q & A )

Q : รักษาสิวด้วยตัวเองได้ไหม ?

โดยทั่วไปแล้ว การรักษาสิวด้วยตัวเองสามารถทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว หากเป็นสิวเพียงเล็กน้อย เช่น สิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบแบบมีหัว ก็สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ โดยการดูแลรักษาผิวหน้าอย่างถูกวิธี เช่น การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากเป็นสิวที่รุนแรง เช่น สิวอักเสบแบบไม่มีหัว สิวอักเสบแบบมีหัวขนาดใหญ่ สิวหนอง สิวหัวช้าง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

Q : ทำยังไงให้สิวหายเร็วๆ ?

การทำให้สิวหายเร็วๆ สามารถทำได้โดยการดูแลรักษาผิวหน้าอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง นอกจากการดูแลรักษาผิวหน้าแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการเกิดสิว เช่น ฮอร์โมน ความเครียด การนอนไม่เพียงพอ กรรมพันธุ์ เป็นต้น หากพบว่ามีปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดสิว

Q : เป็นสิวแต่งหน้าได้ไหม ?

ได้ แต่ควรเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว และทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังแต่งหน้า เครื่องสำอางบางชนิดอาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว ดังนั้น คนเป็นสิวจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซิลิโคน และสารกันเสียบางชนิด เช่น พาราเบน ฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรเลือกเครื่องสำอางที่มีเนื้อบางเบา ไม่เป็นคราบ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และสามารถล้างออกได้ง่ายด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน

Q : กินช็อกโกแลตทำให้สิวขึ้นจริงหรือไม่ ?

จากการศึกษาวิจัยพบว่า ช็อกโกแลตอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร เป็นไปได้ว่าเกิดจากน้ำตาลหรือไขมันที่อยู่ในช็อกโกแลต ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันบนใบหน้ามากขึ้น และทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว นอกจากนี้ ช็อกโกแลตอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้นได้

MVitaClinic
M Vita Clinic

สรุปเรื่อง รักษาสิว

การรักษาสิวสามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือด้วยเทคนิคทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิว หากเป็นสิวเล็กน้อย สามารถรักษาด้วยวิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง เช่น ล้างหน้าให้สะอาด หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ หรือบีบสิว ทายาแต้มสิว แต่ถ้าเป็นสิวปานกลางถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

วันเผยแพร่

ปรึกษาทุกปัญหาความงามกับคุณหมอโดยตรง

    ชื่อ-สกุล*:

    เบอร์ติดต่อกลับ*:

    อีเมล์สำหรับส่งข้อมูล *

    เพศ:

    ชายหญิง

    อายุ (ปี):


    ต้องการปรึกษาคุณหมอเรื่องใด*: