ปัญหาผิวหน้าที่ทำให้หลายคนกังวลใจ คงหนีไม่พ้นเรื่องฝ้าแดด ที่ยิ่งเจอแดดยิ่งเข้มขึ้น จนทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แล้วฝ้าแดดเกิดจากอะไรกันแน่? มีวิธีรักษาและป้องกันอย่างไรให้ได้ผลจริง? บทความนี้ หมอเอ็ม จาก M VITA Clinic จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อคืนผิวสวยกระจ่างใสอย่างถูกวิธีครับ
ฝ้าแดดคืออะไร? แตกต่างจากฝ้าชนิดอื่นอย่างไร
ฝ้าแดด (Solar Melasma หรือ Sun-induced Melasma) คือ ภาวะที่ผิวหนังเกิดรอยปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ซึ่งถูกกระตุ้นโดยตรงจากการสัมผัสแสงแดดและรังสียูวีเป็นระยะเวลานาน ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ทำงานหนักเกินไป และผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ออกมาสะสมในผิวหนังชั้นบน (หนังกำพร้า) หรือบางครั้งอาจลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ได้ ลักษณะของฝ้าแดดมักเป็นปื้นกระจายบริเวณที่โดนแดดบ่อย ๆ เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก สันจมูก หรือเหนือริมฝีปาก
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างฝ้าแดดกับฝ้าชนิดอื่น คือ ฝ้าแดดมีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสแสงแดดอย่างชัดเจนที่สุด แม้ว่าฝ้าชนิดอื่นก็อาจมีสีเข้มขึ้นเมื่อโดนแดด แต่ฝ้าแดดนั้นมีแสงแดดเป็นปัจจัยกระตุ้นหลักในการเกิดและพัฒนาความรุนแรง การสังเกตว่าฝ้าเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังออกแดด หรือจางลงเมื่อหลีกเลี่ยงแดดและทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจเป็นข้อบ่งชี้หนึ่งว่าเป็นฝ้าแดดได้ อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยที่ถูกต้องควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สาเหตุของฝ้าแดดที่ควรรู้

การทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดฝ้าแดด จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลผิวได้อย่างตรงจุดมากขึ้น โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าแดด ได้แก่
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UVA และ UVB) จากแสงแดด เป็นสาเหตุโดยตรงและสำคัญที่สุด รังสี UV จะกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นรอย ฝ้าแดด
- แสงที่มองเห็นได้ (Visible Light) และแสงสีฟ้า (Blue Light) มีงานวิจัยชี้ว่าแสงเหล่านี้ โดยเฉพาะแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ก็สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีและทำให้ฝ้าแดด แย่ลงได้เช่นกัน
- การไม่ใช้ครีมกันแดด หรือใช้ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ หรือใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้ผิวไม่ได้รับการป้องกันจากรังสียูวีอย่างเต็มที่
- การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน เช่น การทำงานกลางแจ้ง หรือการทำกิจกรรมกลางแดดบ่อย ๆ
- ผิวที่อ่อนแอหรือไวต่อแสง จากการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ทำให้ผิวบางลง หรือการอักเสบของผิว
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้า ก็อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดฝ้าแดดได้ง่ายกว่าเมื่อถูกกระตุ้นจากแสงแดด
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แม้แสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นหลัก แต่การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ระหว่างตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ก็อาจทำให้ผิวไวต่อการเกิดฝ้าแดดมากขึ้น เมื่อสัมผัสกับแสงแดด
วิธีดูแลและป้องกันฝ้าแดดเบื้องต้น

การดูแลผิวอย่างถูกวิธีและป้องกันปัจจัยกระตุ้นโดยเฉพาะแสงแดด เป็นหัวใจสำคัญในการจัดการกับปัญหา ฝ้าแดด แม้ว่าฝ้าแดดที่เกิดขึ้นแล้วอาจต้องอาศัยการรักษาทางการแพทย์เข้าช่วย แต่การดูแลเบื้องต้นเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ้าแดดใหม่เกิดขึ้น หรือไม่ให้ฝ้าแดดที่มีอยู่เดิมเข้มขึ้นได้ ดังนี้
การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี
การใช้ครีมกันแดดถือเป็นปราการด่านแรกและสำคัญที่สุดในการป้องกันฝ้าแดด เพราะเป็นการป้องกันสาเหตุหลักโดยตรง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป หรือถ้าจะให้ดีควรเลือก SPF 50+ เพื่อการป้องกันรังสี UVB ที่ครอบคลุม และมีค่า PA ที่สูง (PA+++ หรือ PA++++) เพื่อป้องกันรังสี UVA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ หรือประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้าและลำคอก่อนออกแดด อย่างน้อย 15-30 นาที และที่สำคัญคือ ต้องทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือมีกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก หรือหลังว่ายน้ำ แม้ในวันที่ไม่มีแดดจัดหรืออยู่ในที่ร่ม รังสียูวีก็ยังสามารถทะลุผ่านเมฆและกระจกเข้ามาทำร้ายผิวได้ จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจนเป็นนิสัยครับ การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ก่อให้เกิดการอุดตันก็จะช่วยให้สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผิวที่ไวต่อแดด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าแดด หรือผิวที่ไวต่อแสงแดด การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดโอกาสการเกิดฝ้าแดดได้ครับ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
แนะนำให้มองหาส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และเสริมความแข็งแรงของผิว เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera), ชาเขียว (Green Tea), ใบบัวบก (Centella Asiatica), หรือ วิตามินบี 3 (Niacinamide) ซึ่งช่วยลดการอักเสบและอาจช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีได้
นอกจากนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เช่น วิตามินซี (Vitamin C) หรือ วิตามินอี (Vitamin E) ก็สามารถช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่ถูกกระตุ้นโดยแสงแดดได้ และก่อนเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ ควรทดสอบการแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือหลังใบหูก่อนเสมอ
การดูแลสุขภาพภายใน
สุขภาพผิวที่ดีไม่ได้มาจากแค่การดูแลภายนอกเท่านั้น การดูแลสุขภาพภายในก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผิวแข็งแรงและต่อสู้กับปัจจัยกระตุ้นฝ้าแดดได้ดีขึ้น การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ซึ่งผิวที่แห้งมักจะไวต่อการระคายเคืองและถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่ายกว่า
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผักผลไม้หลากสีที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ส้ม มะเขือเทศ ผักใบเขียว จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระได้ การพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายและผิวพรรณได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ และการจัดการกับความเครียดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะความเครียดสามารถส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนและทำให้ปัญหาผิวแย่ลงได้
วิธีรักษาฝ้าแดดเมื่อเป็นแล้ว ทำอย่างไรได้บ้าง
เมื่อเกิดฝ้าแดดขึ้นแล้ว การดูแลตัวเองเบื้องต้นอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้รอยฝ้าจางหายไปได้ทั้งหมด การรักษาทางการแพทย์จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งปัจจุบันมีวิธีรักษาฝ้าแดดที่มีประสิทธิภาพหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ลักษณะของฝ้า และสภาพผิวของแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น
โดยวิธีการรักษาที่นิยม ได้แก่ การใช้ยาทาเฉพาะที่ ที่มีส่วนผสมช่วยลดการสร้างเม็ดสี เช่น ไฮโดรควิโนน (ภายใต้การดูแลของแพทย์), กรดวิตามินเอ, กรดอะซีลาอิก หรือวิตามินซี การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) เพื่อช่วยเร่งการกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่มีเม็ดสีส่วนเกินออกไป และการรักษาด้วยเลเซอร์ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะเลเซอร์กลุ่มที่จำเพาะต่อเม็ดสี เช่น Q-Switch Laser หรือเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าอย่าง Pico Laser ที่สามารถทำลายเม็ดสีได้อย่างละเอียด และลดผลข้างเคียงต่อผิวรอบข้าง
Pico Laser ทางเลือกใหม่ รักษาฝ้าแดดอย่างตรงจุดที่ M Vita Clinic

การต่อสู้กับฝ้าแดดจำเป็นต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในสาเหตุ การป้องกันอย่างสม่ำเสมอ และการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว สำหรับท่านที่กำลังมองหาวิธีรักษาฝ้าแดดที่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ปลอดภัย และช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง M VITA Clinic ภูมิใจนำเสนอ Pico Laser เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีประสิทธิภาพสูงในการจัดการปัญหาเม็ดสีผิวโดยเฉพาะ
Pico Laser ทำงานโดยการปล่อยพลังงานแสงในระดับความเร็ว Picosecond (หนึ่งในล้านล้านวินาที) ซึ่งสั้นกว่าเลเซอร์รุ่นเดิม ๆ มาก ทำให้สามารถทำลายเม็ดสีเมลานินที่เป็นสาเหตุของฝ้าแดดได้อย่างจำเพาะเจาะจงและแตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กละเอียดกว่าเดิม ร่างกายจึงสามารถกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ออกไปได้ง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ พลังงานที่สั้นมากนี้ช่วยลดการสะสมความร้อนในผิว ลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยดำหลังทำเลเซอร์
นอกจากจะช่วยให้ฝ้าแดดจางลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว Pico laser ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ผิว ทำให้ผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ และดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าใครได้ลองก็ต่าง Pico laser รีวิวความประทับใจไว้มากมายท่านใดสนใจ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเลเซอร์ที่ M VITA Clinic ก็พร้อมให้คำปรึกษ าและประเมินสภาพผิวของท่านอย่างละเอียด เพื่อออกแบบโปรแกรมการรักษาฝ้าแดดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัยภายใต้มาตรฐานสากล ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ M VITA Clinic ได้เลย เรายินดีดูแลทุกปัญหาผิวของคุณ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่