รอยสิว
รอยสิว ปัญหาที่เกิดตามหลังสิว ที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจอยู่ไม่น้อย บทความนี้ หมอจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับรอยสิวอย่างละเอียดนะครับ ว่า รอยสิวคืออะไร และเรามี วิธีรักษารอยสิวอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านที่กังวลใจอยู่ได้รักษารอยสิวให้จางลงกันนะครับ
แนะนำตัวกันก่อนนะครับ หมอชื่อ หมอเอ็ม หรือ นพ. มนตรี อุดมประเสริฐกุล นะครับ เป็นแพทย์ประจำ เอ็มวีต้าคลินิก ครับผม
รอยสิว คืออะไร
รอยสิว (Acne Mark) คือ การเปลี่ยนของสีผิวตามหลังเมื่อสิวหายแล้ว คือถ้าเป็นสิวมาก่อนแล้วพอสิวหาย สีผิวไม่กลับมาเป็นแบบเดิม จะเป็นรอยแดงหรือรอยดำก็จัดเป็นรอยสิวได้หมดครับ
ซึ่งรอยสิวนี้ไม่ใช่ “รอยแผลเป็นสิว” นะครับ แต่จะต่างกันที่
- รอยสิว เป็นการเปลี่ยนแปลงสีผิวโดยผิวยังเรียบเนียน
- รอยแผลเป็นสิว ผิวจะไม่เรียบเนียน อาจยุบลงเป็นหลุมสิวหรืออาจนูนเป็นคีลอยครับ
ประเภทรอยสิวมีกี่รูปแบบ
ประเภทรอยสิวที่พบได้บ่อยมี 2 แบบ คือ
1. รอยแดงสิว Post Acne Erythema (PAE)
รอยแดงสิว คือ รอยแดงที่เกิดขึ้นตามหลังสิวอักเสบ ซึ่งมีตั้งแต่ เป็นสีชมพูจางๆไปจนถึงเป็นรอยแดงเข้มคล้ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวอักเสบจุดนั้นๆครับ

2. รอยดำสิว Post Acne Hyperpigmantation (PAH)
รอยดำสิว คือ รอยสีน้ำตาลหรือสีดำที่เกิดขึ้นตามหลังสิวอักเสบ ซึ่งก็เหมือนกับรอยแดงสิวครับ คือรอยจะมีสีเข้มหรือจาง ใหญ่หรือเล็กก็ขึ้นกับความรุนแรงของการอักเสบนั่นเอง

รอยสิวเกิดจากอะไร ?

ต่อไปเรามาดูกันครับว่ารอยสิวแต่ละแบบเกิดขึ้นได้อย่างไร
1. รอยแดงสิว
สำหรับรอยแดงสิว จะเกิดตามหลังสิวอักเสบซึ่งปกติก็จะแดงอยู่แล้ว พอสิวหาย ถ้าความแดงนี้ยังคงอยู่ ก็จะกลายเป็นรอยแดงสิวนั่นเอง ดังนั้นถ้าเราปล่อยให้สิวหายเองโดยไม่แกะ หรือบีบ มักจะเกิดเป็นรอยแดงสิวครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่านที่ผิวขาวมากๆมักจะเป็นรอยแดงง่ายกว่ารอยดำสิวครับ

2. รอยดำสิว
ปกติเวลาสิวอักเสบหายมักกลายเป็นรอยแดงสิวมากกว่า ส่วนรอยดำสิว จะพบได้ในกรณีพิเศษ ดังนี้ครับ
- แกะสิว จะทำให้เกิดเป็นแผลถลอกขึ้นมาแทน ซึ่งพอหายก็จะเกิดเป็นรอยดำขึ้นมาครับ
- ผิวเข้ม คนไข้ท่านที่มีสีผิวเข้ม เวลาเป็นสิวอักเสบมักจะเป็นรอยดำสิวได้ง่าย
- ไม่รักษารอยแดงสิว ท่านที่เป็นสิวอักเสบหนักๆ พอสิวหายแล้วก็มีรอยแดงสิวค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ได้รักษา ปล่อยไว้นานเข้ารอยแดงพวกนี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นรอยดำได้เช่นเดียวกันครับ
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดรอยสิว สามารถปฏิบัติ 6 วิธี ดังนี้ครับ
- หากมีสิวอักเสบให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษาสิวอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการเกิดรอยได้ดีที่สุดครับ
- ห้ามแกะ แคะ เกาหรือบีบสิวเองเด็ดขาด
- ล้างหน้าให้สะอาด และหากแต่งหน้าใช้คลีนซิ่งเช็ดให้สะอาดด้วยครับ
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
- เช็คส่วนประกอบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง ควรเลือกที่เป็นสูตรน้ำ Water based เช่นเนื้อเจล เนื้อเอสเซ้นซ์ หรือเนื้อเซรั่มจะอุดตันและก่อให้เกิดสิวได้ยากกว่าแบบเนื้อครีมครับ
- ใช้ครีมกันแดดสูตรสำหรับผิวที่เป็นสิว เป็นประจำเพื่อป้องกันแสงแดดที่จะกระตุ้นให้เกิดรอยดำสิวได้
รอยสิว รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
จริงๆรอยสิวทั้งสองแบบนี้สามารถหายได้เองนะครับ แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร บางครั้งก็อาจจะอยู่นานเป็นปีได้เลยครับ ถ้าอยากให้หายเร็วขึ้น ปัจจุบันก็มีตัวช่วยหลายอย่างที่งานวิจัยรับรอง เรามาดูกันว่าอะไรบ้างที่จัดเป็นวิธีรักษารอยสิวให้จางลงครับ
1. ยาทา ลดรอยสิว

ผลลัพธ์ | ☆ (ได้ผลน้อย) |
---|---|
ราคา | ☆ |
ความเจ็บ | ไม่เจ็บ |
ช่วงพักฟื้น | ไม่มี |
สำหรับยาทารอยสิว หมอแนะนำให้คนไข้ดูส่วนประกอบที่รักษารอยสิวได้ดี ตัวอย่างที่แนะนำ มีดังนี้ครับ
- วิตามิน C (Vitamin C) มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และมีบทบาทในการสร้างน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวกับ ceramides ซึ่งทำให้ชั้นผิวแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยยืนยันว่าช่วยให้รอยแดงสิว รอยดำสิวดีขึ้นครับ
- สารสกัดใบบัวบก (Gotu kola extract ) สรรพคุณช่วยปรับสมดุลของเส้นเลือดที่ผิว ทำให้รอยแดงจางลง
- อาร์บูติน (Arbutin) สรรพคุณ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลบเลือนรอยดำ ปรับผิวให้สว่างขึ้น
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สรรพคุณบล็อกกลไกการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยรักษารอยด่างดำ
- ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) สรรพคุณลบเลือนจุดรอยดำจากรอยสิว พร้อมปรับเม็ดสีผิวให้ฟื้นฟูผิวกลับมาเป็นสีสม่ำเสมอ
- เทรติโนอิน (Tretinoin) รักษาสิว และขัดขวางการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดรอยด่างดำ
นอกจากนี้ยาทาหรือสกินแคร์อีกตัวที่ช่วยรอยสิวได้ดีมากๆ และขาดไม่ได้เลยก็คือ ครีมกันแดด เพราะแสงแดดอาจทำให้เกิดรอยดำมากขึ้นได้ แต่ในการใช้ต้องเลือกสูตรสำหรับคนเป็นสิวนะครับ เพื่อป้องกันการอุดตันเพิ่มครับ
2. ยากิน ลดรอยสิว

ผลลัพธ์ | ☆ (ได้ผลน้อย) |
---|---|
ราคา | ☆ |
ความเจ็บ | ไม่เจ็บ |
ช่วงพักฟื้น | ไม่มี |
ยากินบางชนิดอาจช่วยเสริมการรักษารอยสิวได้ เช่น
- วิตามินซี Vitamin C ในรูปแบบกินก็ช่วยต้านอนุมูลอิสระและอาจมีส่วนช่วยให้รอยสิวจางลงได้ดีเช่นกันครับ
- กรดทรานเอกซามิก Tranexamic acid เป็นยาห้ามเลือดที่พบว่าให้ผลยับยั้งการสร้างเม็ดสีด้วย จึงช่วยลดรอยดำได้ แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลโดยแพทย์ครับ
3. การผลัดผิว Chemical peeling

ผลลัพธ์ | ☆☆ (ได้ผลน้อย) |
---|---|
ราคา | ☆☆ |
ความเจ็บ | ☆ (น้อย) |
ช่วงพักฟื้น | ☆ (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) |
ช่วยให้รอยแดงและรอยดำสิวดีขึ้นจากการลอกผิวชั้นบนออก และปรับโครงสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งตัวผลัดเซลล์ที่ได้ผลมีทั้ง AHA (Glycolic acid) BHA (Salicylic Acid) หรือ TCA (TriChloroacetic Acid) เป็นต้น
4. การกรอผิว Microdermabrasion

ผลลัพธ์ | ☆ (ได้ผลน้อย) |
---|---|
ราคา | ☆☆ |
ความเจ็บ | ☆ (น้อย) |
ช่วงพักฟื้น | ☆ (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) |
ช่วยกรอผิวชั้นบนออกไปพร้อมกับเม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นบน ทำให้รอยดำสิวจางลงได้ แต่อาจไม่เหมาะในท่านที่มีรอยแดง หรือท่านที่มีผิวแพ้ง่ายครับ
5. IPL (Intense Pulsed Light)
ผลลัพธ์ | ☆☆☆ (ได้ผลดี) |
---|---|
ราคา | ☆☆ |
ความเจ็บ | ☆ (น้อย) |
ช่วงพักฟื้น | ไม่มี |
พลังงานแสงความเข้มสูง ช่วยรักษาทั้งรอยแดงและรอยดำได้ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องพลังงานที่ไม่สามารถตั้งสูงมากนัก ทำให้ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
6. เลเซอร์รอยสิว

ผลลัพธ์ | ☆☆☆☆ (ได้ผลดีมาก) |
---|---|
ราคา | ☆☆☆ |
ความเจ็บ | ☆☆ |
ช่วงพักฟื้น | ☆ (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) |
เลเซอร์ เป็นการรักษาหลักที่ดีที่สุด เพราะเห็นผลชัด และเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แถมยังไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
สำหรับรอยแดงสิว เลเซอร์ตัวที่นำมาใช้ในการรักษารอยแดงสิวทั้งหมดจะเป็นเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดโดยตรง ซึ่งมีหลายชนิดได้แก่ Proyellow laser, Copper Bromide laser, Pulsed dye laser, Long pulsed Nd:YAG ซึ่งจะให้ผลดีกว่าและไวกว่า IPL ครับ
ส่วนรอยดำสิว เลเซอร์ที่ใช้จะแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ
- เลเซอร์เม็ดสี จะออกฤทธิ์ต่อ Melanosome หรือถุงเก็บเม็ดสีภายในเซลล์โดยตรง ได้แก่ Q switched Nd:YAG laser, picosecond laser, Copper Bromide laser เป็นต้น
- อีกกลุ่มหนึ่งคือเลเซอร์ปรับสภาพผิวชนิดไม่เกิดแผล Fractional Non-Ablative laser ต่างๆ เช่น Fraxel dual, LaseMD เป็นต้นครับ
หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่บทความ เลเซอร์รอยสิว คลิกได้เลยครับ

เอ็มวีต้าคลินิกรักษารอยสิวยังไง?
สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอจะใช้เลเซอร์รอยสิว เป็นหลักในการรักษา เพราะ
- ให้ผลลัพธ์ที่ดี ยิ่งถ้าใช้เครื่องดีๆยิ่งเห็นผลเร็วและชัดเจน
- ไม่ต้องพักฟื้น มักไม่มีสะเก็ด ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษหลังทำ
- เจ็บแบบทนได้ ไม่ต้องใช้ยาชา
โดยที่คลินิกหมอจะมีเลเซอร์เฉพาะทางในการรักษารอยแดงสิวและรอยดำสิว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา และจะใช้ยาทา ยากิน รวมทั้งการผลัดผิวเป็นตัวเสริม ให้ผลการรักษาเร็วและชัดเจน โดยจะพิจารณาเป็นรายบุคคลตามความเหมาะสมครับ

ทำไมต้องรักษารอยสิว ที่เอ็มวีต้าคลินิก?
- เอ็มวีต้าคลินิก เป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงและรีวิวในด้านการรักษาสิวและรอยสิวมาก
- หมอมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างดี
- อีกทั้งอุปกรณ์เครื่องเลเซอร์ที่ใช้รักษาก็เป็นเครื่องคุณภาพสูงมาตรฐานระดับสากล ผ่านการรับรองจาก อย ทุกตัว
- ดูจากรีวิวจะเห็นได้เลยครับว่า ถ้าพูดถึงสิวและรอยสิว เอ็มวีต้าคลินิกรับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ รอยสิวดีขึ้นแน่นอนแบบไม่ต้องลุ้น และไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย

รักษารอยสิวเหมาะกับใคร?
การรักษารอยสิว โดยเฉพาะที่เอ็มวีต้า เหมาะกับท่านที่กังวลกับรอยสิวและอยากรักษาให้หายเร็วๆ โดยสามารถทำได้ทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวที่มีสิวอยู่ ผิวแห้ง ผิวผสมครับ
ใครไม่เหมาะกับการรักษารอยสิว?
หากเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์รอยสิว ถ้าผิวระคายเคืองเล็กน้อยไม่มากนักก็ยังสามารถทำได้ปกติครับ แต่อาจไม่เหมาะกับท่านที่มีผิวแพ้ระคายเคืองมากๆ ในกรณีนี้อาจต้องรักษาอาการผื่นอักเสบให้หายก่อนจึงจะเลเซอร์ได้ครับ
ข้อดีของการรักษารอยสิว
การรักษารอยสิว แน่นอนว่า หากเลือกใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพ เช่น เลเซอร์รอยสิวที่เอ็มวีต้าคลินิก ย่อมทำให้
- รอยสิวจางแบบเห็นผลเร็ว ส่วนใหญ่ครั้งแรกก็จะเริ่มดีขึ้นเลยภายใน 1-2 วัน
- ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง หากทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ไม่มีสะเก็ด ไม่ต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ

รักษารอยสิว กี่ครั้งหาย ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?
สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิก หมอรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์รอยสิวจะให้ผลการรักษาเร็วมากครับ ปกติครั้งแรกก็จะเริ่มเห็นว่าจางลงในระดับนึงแล้ว
ส่วนต้องทำกี่ครั้งจึงจะหายสนิท อันนี้จะขึ้นกับหลายปัจจัยครับ
- รอยสิวที่มี เข้มมั้ย มีจำนวนเยอะมั้ย ถ้ก็าเป็นมากก็คงต้องทำหลายครั้งครับ
- มีปัญหาสิวร่วมด้วยมั้ย ถ้ายังมี สิวเหล่านี้ยังมีโอกาสทำให้เกิดรอยใหม่เพิ่ม ก็ต้องรักษาสิวไปด้วยและหากสิวยังเป็นมากก็คงต้องทำหลายครั้งเช่นกัน
- คนไข้แกะสิวมั้ย การแกะสิวก็ทำให้เกิดรอยใหม่เรื่อยๆ แถมยังเป็นรอยที่ลึกด้วยเพราะคนไข้แกะจนเป็นแผล แม้หมอจะรักษารอยเก่าหายแต่หน้าก็จะยังไม่เกลี้ยงเพราะมีรอยใหม่ๆนี่แหล่ะครับ ก็ต้องรักษาหลายครั้ง+พูดคุยให้คนไข้พยายามไม่แกะสิวเพิ่มให้สำเร็จ จึงจะหายขาดได้ครับ
ก่อนรักษารอยสิว เตรียมตัวอย่างไร
สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิก ก่อนรักษารอยสิวไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษครับ เนื่องจากเลเซอร์ทำได้ทุกสภาพผิวอยู่แล้ว
ยกเว้นท่านที่กำลังมีผื่นผิวหนังอักเสบรุนแรง เห่อคันมากๆ ควรรักษาให้หายก่อนทำการรักษารอยสิวครับ
อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังรักษารอยสิว
สำหรับที่เอ็มวีต้าคลินิก เลเซอร์ที่หมอใช้มีคุณภาพสูงมาก และด้วยประสบการณ์จึงมีเทคนิคการยิงที่ปลอดภัย หลังทำจึงไม่มีอาการข้างเคียงใดๆครับ อาจมีแดงเรื่อๆหลังทำแค่ไม่เกิน 30 นาทีก็หาย จากนั้นก็จะค่อยๆเริ่มเห็นผลครับ
ข้อควรปฏิบัติหลังรักษารอยสิว
สำหรับการรักษารอยสิวที่เอ็มวีต้าคลินิก หลังทำคนไข้ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ยังคงใช้ยาทาสิวได้เหมือนเดิมทุกตัว ไม่ต้องหลบแดดมากกว่าปกติ ทั้งรอยแดงรอยดำจะค่อยๆจางลงภายใน 1-2 วันและจะจางลงเรื่อยๆ สามารถมาทำซ้ำได้สัปดาห์ละครั้งครับ
รักษารอยสิว ราคาเท่าไหร่ ?
ราคา เลเซอร์รอยสิว ที่ เอ็มวีต้า คลินิก จะแบ่งเป็น 2 โปรแกรม ครับ
1. รักษาสิว และ เลเซอร์รอยสิว ราคา
เลเซอร์รอยสิว ควบคู่กับการรักษาสิว สำหรับผู้ที่ยังเป็นสิวต่างร่วมอยู่ด้วย ชื่อโปรแกรมว่า Medi-Aclear ครับ จะตอบโจทย์ และในผลลัพธ์ที่ดี อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องสิว รอยดำสิว รอยแดงสิว จากสิวครับ


2. เลเซอร์รอยสิว ราคา
ในโปรแกรมนี้ แนะนำสำหรับผู้มีเพียงรอยจากสิวเท่านั้น โปรแกรมนี้จะชื่อว่า Gold K Scan ครับ



รีวิว รักษารอยสิว












คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรอยสิว ( Q & A )
Q : รักษารอยสิว อันตรายไหม ?
การรักษารอยสิวไม่อันตราย หากทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและทำด้วยเครื่องมือที่มีคุณภาพ จะไม่มีผลข้างเคียง และยังเห็นผลลัพธ์ได้ดีและเร็วอีกด้วย
Q : รักษารอยสิว เจ็บหรือไม่ ?
การรักษารอยสิวอาจเจ็บหรือไม่เจ็บ ขึ้นอยู่กับวิธีรักษารอยสิว แน่นอนครับการทายาอาจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เจ็บ แต่จะให้ผลลัพธ์ที่ช้ากว่าหรืออาจไม่เห็นผล ซึ่งการเลเซอร์รอยสิว จะให้ความรู้สึกเจ็บแบบทนได้ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ชัดเจน และเร็วกว่า คุ้มค่ากว่าแน่นอนครับ
Q : รักษารอยสิว จะกลับมาเป็นอีกไหม
รักษารอยสิว จะไม่กลับมาเป็นอีก ในจุดเดิมที่เคยรักษาหายแล้วครับ แต่หากเป็นสิวใหม่ขึ้น เกิดแผลสิวใหม่ จะก่อให้เกิดเป็นรอยสิวใหม่ขึ้นได้อีกครับ=
สรุปเรื่อง รอยสิว
รอยสิว ป้องกันได้ ถ้ามีสิวอักเสบเพียงรักษาอย่างถูกต้อง ไม่บีบแกะสิวเอง แต่หากเป็นรอยสิวขึ้นมาแล้วก็ไม่ต้องกังวลใจนะครับ เพราะถ้ารักษาอย่างถูกวิธี โดยคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีเครื่องมือได้มาตรฐาน รีวิวผลการรักษาที่ดี รอยสิวจะจางลงได้ไม่ยากเลยครับ
สำหรับท่านใดที่กำลังกังวลเกี่ยวกับรอยสิว สามารถติดต่อเข้ามารับคำปรึกษาและรักษากับหมอเอ็มได้ที่ เอ็มวีต้าคลินิก นะครับ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
เอกสารอ้างอิง
- Treatment protocols and efficacy of light and laser treatments in post-acne erythema
Rezvan Amiri et al. J Cosmet Dermatol. 2022 Feb. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/34985175/ - The comparative study of efficacy between 1064-nm long-pulsed Nd:YAG laser and 595-nm pulsed dye laser for the treatment of acne vulgaris. Napith Chalermsuwiwattanakan et al. J Cosmet Dermatol. 2021 Jul. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33226176/
- The efficacy and safety of a 577-nm high-power optically pumped semiconductor laser in the treatment of postacne erythema. Rungsima Wanitphakdeedecha et al. J Cosmet Dermatol. 2020 Jul. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32384205/
- Comparison of fractional, nonablative, 1550-nm laser and 595-nm pulsed dye laser for the treatment of facial erythema resulting from acne: a split-face, evaluator-blinded, randomized pilot study. Park KY, Ko EJ, Seo SJ, Hong CK (2014). J Cosmet Laser Ther 16(3):120–123. https://www.tandfonline.com/doi/full/10.3109/14764172.2013.854626
วันเผยแพร่