ลอกสิวเสี้ยนเป็นเทรนด์ความงามยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้เพื่อจัดการกับสิวเสี้ยนที่มองเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณจมูก หน้าผาก และคาง แม้จะดูเป็นวิธีที่เห็นผลรวดเร็ว แต่การลอกสิวอย่างผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง หรือเกิดหลุมสิวตามมาได้ การเข้าใจวิธีลอกสิวเสี้ยนที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญถ้าไม่อยากให้ผิวเสียยิ่งกว่าเดิม บทความนี้ หมอเอ็ม จาก M VITA Clinic เลยได้รวบรวม 4 วิธีลอกสิวเสี้ยนอย่างอ่อนโยนมาให้ทุกคนได้ลองทำตามกันดูครับ จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
สิวเสี้ยนคืออะไร เกิดจากอะไร

สิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) คือ สิวชนิดหนึ่งที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกในรูขุมขน โดยมักพบบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น จมูก หน้าผาก และคาง สิวเสี้ยนมีลักษณะคล้ายตุ่มเล็ก ๆ และมักจะมีหัวสีขาวหรือสีดำ
สิวเสี้ยนมีกี่ประเภท
สิวเสี้ยนมี 2 ประเภท ดังนี้

- สิวเสี้ยนหัวขาว (Whiteheads) เกิดจากการอุดตันของไขมันที่ยังไม่โดนอากาศ จึงมีสีขาว
- สิวเสี้ยนหัวดำ (Blackheads) เกิดจากไขมันอุดตันที่สัมผัสอากาศและเกิดการออกซิไดซ์ จึงกลายเป็นสีดำ
ข้อดีและข้อควรระวังในการลอกสิวเสี้ยน
ข้อดีและข้อควรระวังในการลอกสิวเสี้ยน มีดังนี้
ข้อดี

- ช่วยขจัดสิ่งอุดตัน ทำให้ผิวดูสะอาด
- ทำให้รูขุมขนดูเล็กลงชั่วคราว
- ผิวบริเวณที่ลอกดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อควรระวัง

- ถ้าลอกแรงเกินไปอาจทำให้ผิวถลอกหรือระคายเคืองได้
- หากทำบ่อยเกินไปอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันและทำให้สิวเสี้ยนกลับมาเร็วขึ้น
- เสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวหากทำในบริเวณที่ผิวบางหรือมีการอักเสบ
4 เคล็ดลับลอกสิวเสี้ยนอย่างอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวหน้า
สำหรับใครที่อยากลอกสิวเสี้ยนอย่างปลอดภัย M VITA Clinic ก็ได้รวมวิธีที่อ่อนโยนและเห็นผลจริงมาให้ลองทำตามระดับปัญหาผิวของแต่ละคนแล้ว
1. เจลลอกสิวเสี้ยน อ่อนโยนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ

เจลลอกสิวเสี้ยนเป็นอีกทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการลอกสิวอย่างนุ่มนวล โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือกังวลเรื่องการถลอกของผิว เนื้อเจลจะมีลักษณะเหลวเมื่อทา และเมื่อแห้งจะยึดเกาะกับสิวเสี้ยนโดยไม่ดึงผิวแรงเกินไป ซึ่งจะต่างจากแผ่นลอกสิวแบบทั่วไปที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้มากกว่า
เจลลอกสิวมักมีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ชาเขียวที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และทีทรีออยล์ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดโอกาสเกิดสิวซ้ำ ซึ่งการลอกสิวสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ถือว่าเพียงพอในการขจัดสิวเสี้ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำร้ายผิวในระยะยาว และยังช่วยให้ผิวบริเวณจมูกหรือคางเนียนใสขึ้นอีกด้วย
2. มาส์กน้ำนมและเจลาติน อ่อนโยน ผิวไม่ถลอก

สูตรลอกสิวแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายที่บ้านอีกสูตรก็คือ มาส์กน้ำนมผสมเจลาติน ซึ่งถือเป็นวิธี DIY ที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบใช้วัตถุดิบจากครัวเรือนมาดูแลผิว ด้วยการผสมเจลาตินชนิดผงกับนมสดเล็กน้อย แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟจนส่วนผสมละลาย จากนั้นปล่อยให้เย็นลงเล็กน้อย ก่อนนำมาทาให้ทั่วบริเวณที่มีสิวเสี้ยน เช่น บริเวณจมูก หน้าผาก หรือคาง
เมื่อตัวมาส์กแห้งสนิทแล้วจะสามารถลอกออกอย่างเบามือได้ โดยจะสังเกตได้ว่าสิวเสี้ยนจำนวนหนึ่งจะติดออกมากับแผ่นมาส์กด้วย อีกทั้งน้ำนมยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และไม่ทำให้ผิวบางลงแบบที่หลายคนกังวล สูตรนี้เหมาะมากกับผู้ที่กำลังเริ่มต้นดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ
3. BHA หรือ Salicylic Acid กู้ผิวใส

ถ้าคุณไม่ชอบความรู้สึกขณะลอก หรือมีผิวบอบบางมากจนกลัวว่าจะระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม BHA หรือ Salicylic Acid ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะสารเหล่านี้สามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนได้ลึก ช่วยละลายไขมันและสิ่งอุดตันที่ก่อให้เกิดสิวเสี้ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องลอกหรือดึงให้ผิวบอบช้ำ
Salicylic Acid ยังมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวที่จมูก หรือสิวอุดตันเรื้อรังที่ไม่สามารถลอกสิวแบบปกติได้ อีกทั้ง การใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ และทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใสยิ่งขึ้น
4. รักษาสิวเสี้ยนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกผิวหนัง

สำหรับผู้ที่มีสิวเสี้ยนเยอะ หรือมีปัญหาเรื้อรังที่ดูแลเองแล้วไม่ดีขึ้น การเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังใน คลินิกรักษาสิวก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะแพทย์จะช่วยวิเคราะห์สภาพผิว วางแผนการรักษาที่เหมาะสม และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยต่อผิวมาช่วยรักษา
โดยวิธีการรักษาสิวเสี้ยนที่ใช้กันในคลินิกจะรวมถึงการใช้เลเซอร์ด้วย เช่น Q-switch ที่ช่วยเปิดรูขุมขนและกำจัดสิ่งอุดตัน หรือเทคนิคคลื่นวิทยุ (RF) ที่ช่วยกระชับรูขุมขน และลดการเกิดสิวใหม่ รวมไปถึงการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญที่จะไม่ทำให้ผิวอักเสบหลังทำ
ในกรณีที่สิวเสี้ยนทิ้งร่องรอยเป็นหลุมสิว ก็สามารถเข้ารับการรักษาเพิ่มเติมได้ที่คลินิกรักษาหลุมสิวด้วย ซึ่งคลินิกจะใช้เลเซอร์ฟื้นฟูผิวหรือมีเทคนิคเฉพาะเพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามั่นใจและรักผิวหน้าของตนเองมากยิ่งขึ้น
วิธีป้องกัน ไม่ให้สิวเสี้ยนเกิดซ้ำ

วิธีป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้สิวเสี้ยนเกิดซ้ำ ได้แก่
- ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง โดยใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เช่น รองพื้นหนา ๆ หรือออยล์หนัก
- ใช้โทนเนอร์ที่มี BHA หรือ Witch Hazel เพื่อลดการอุดตัน
- พยายามหลีกเลี่ยงการจับหรือบีบสิวบ่อย ๆ
- หมั่นสครับผิวสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า
สรุปบทความ

การลอกสิวเสี้ยนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองหรือการเกิดหลุมสิว และสำหรับใครที่กังวลว่าสิวเสี้ยนจะกลับมา หรือมีปัญหาสิวที่เรื้อรังจนแก้ไม่หาย M VITA Clinic ก็พร้อมดูแลคุณด้วยบริการรักษาสิวแบบครบวงจร ตั้งแต่การกดสิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อดูแลรูขุมขน ไปจนถึงการรักษาหลุมสิวอย่างตรงจุด เพื่อให้ผิวคุณกลับมาเนียนใสอย่างมั่นใจอีกครั้ง
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฟรีได้ที่ M VITA Clinic ทุกสาขา เราพร้อมวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับทุกสภาพผิว เพื่อคืนผิวใส ให้คุณรักผิวของตัวเองยิ่งกว่าเดิม
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
วันเผยแพร่