สิวยีสต์ หรือ สิวเชื้อราที่รู้จักกันในชื่อ pityrosporum folliculitis เป็นสภาพผิวที่เกิดขึ้นเมื่อเชื้อราที่เรียกว่า Malassezia เติบโตอย่างควบคุมไม่ได้ เกิดการลุกลามแบบรวดเร็วบนผิวหนัง ในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “รูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา” ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมถึงมีการลุกลามของสิวยีสต์ แต่จะมีปัจจัยคล้ายๆกันอย่าง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย (Propionibacterium acnes หรือ P. acnes) เป็นต้น
สิวจากยีสต์มักทำให้เกิดตุ่มเล็ก ๆ แดงและคันที่ใบหน้า หน้าอก หลัง และไหล่ ลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เมื่อสังเกตุดีๆ จะมีทั้งแบบที่เป็นตุ่มแดงและอาจมีตุ่มหนอง แต่ไม่มีลักษณะของสิวอุดตัน ทำให้หลายคนที่เข้ามารับการรักษาจะมีอาการคันบริเวณที่เป็นผื่น โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเจอกับสภาพอาการร้อนชื่น เหงื่อออกมาก จากการออกกำลังกาย นี่เลยเป็นข้อแตกต่างที่สังเกตุเห็นได้ชัด เพราะ สิวทั่วไปที่ไม่มีอาการคัน ยังมีอีกหลายข้อที่ช่วยให้เราแยกประเภทอาการของสิวยีสต์ได้ดังนี้
ความแตกต่างระหว่างสิวยีสต์ กับสิวทั่วไป
- สิวจากยีสต์เกิดจากเชื้อรา แต่ถ้าเป็นสิวปกติ จะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่นผลิตน้ำมันมากเกิน มีการสะสมของแบคทีเรีย และเกิดการอักเสบ จนกลายเป็นสิว
- สิวจากยีสต์มักทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ แดงและคัน ในขณะที่สิวทั่วไปจะมีลักษณะเด่นตรงหัวสิว สิวหัวดำ สิวหัวขาว และสิวอุดตัน
- สิวจากยีสต์มักรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อรา แต่ถ้าเป็นสิวทั่วไปต้องรักษาด้วยยาทาหรือยาปฏิชีวนะแบบรับประทานควบคู่กันไปตามอาการของสิว
วิธีการรักษาสิวยีสต์ (สิวเชื้อรา)
มีหลายวิธีในการรักษาสิวยีสต์ การรักษาโดยทั่วไปคือการใช้ครีมหรือครีมฆ่าเชื้อรา หรือจะเลือกการประทานยาฆ่าเชื้อราแทนก็ได้เช่นเดียวกัน แต่โดยปกติแล้วจะจำเป็นสำหรับกรณีที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น ถ้าถามว่าแบบทานกับแบบยาอันไหนรักษาได้เร็วกว่ากัน ตอบตรงนี้เลยว่า แบบทานรักษาได้เร็วกว่า
นอกจากการใช้ยาแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้สิวจากยีสต์กลับมาเป็นซ้ำ โดยเริ่มจาก :
- ล้างหน้าวันละสองครั้งด้วยคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับใบหน้า ร่งกายและเส้นผม
- ทำให้ผิวแห้งโดยเฉพาะหลังจากเหงื่อออก
- พยายามเลือกสวมเสื้อผ้าหลวมๆ ที่ไม่ระคายผิว
เคล็ดลับในการรักษาสิวยีสต์ ตามจุดต่างๆในร่างกาย
แนะนำเลยสำหรับใครที่เป็นสิวยีสต์ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการเกาที่ตุ่ม เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้สิวแย่ลงได้ และควรเข้าไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาจะดีที่สุด งดการรักษาด้วยตัวเอง เพราะถ้าหากรักษาผิววิธี ไม่ตรงจุดอาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จะทำให้การรักษายุ่งยากกว่าปกติ
บริเวณใบหน้า
ให้หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า จะดีที่สุด แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ พยายามล้างมือก่อนแต่งหน้าเสมอ เลือกใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ใช้แล้วไม่แพ้ง่าย ไม่แนะนำให้เติมหน้าระหว่างวัน แนะนำเป็นการซับความมันบนใบหน้าบ่อยๆจะดีที่สุด
บริเวณหน้าอกหรือหลัง
หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูป เลือกน้ำยาซักผ้าที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย หากจำเป็นต้องออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อ ก็ควรมีเสื้อตัวใหม่ไปเปลี่ยน
บริเวณหนังศรีษะ
สามารถเลือกใช้แชมพูขจัดรังแคมีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อรา ที่สามารถช่วยฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุของสิวจากยีสต์ได้
หากคุณมีคำถามอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวจากยีสต์ โปรดปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษา วิธีการที่เหมาะสม เพราะว่าหลังจากการรักษาเบื้องต้นเรียบร้อยแล้วจะมีการจ่ายยา ใช้หลังจากที่ผื่นหายแล้ว เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ โดยทั่วไปจะใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 เดือน แต่บางกรณีอาจใช้เวลารักษานานกว่านั้น เช่น กรณีที่เป็นซ้ำบ่อยๆ
- เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
- อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
- ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
- สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
- เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
- ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
วันเผยแพร่