เลเซอร์ฝ้า

เลเซอร์ฝ้า คืออะไร? ทางเลือกจบปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมเผยหน้าใสอย่างมั่นใจ

ปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้า เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายคน ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอและส่งผลต่อความมั่นใจ แม้จะพยายามดูแลผิวด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการทาครีมหรือการใช้เซรั่มบำรุง แต่สำหรับปัญหาเม็ดสีที่ฝังลึก การรักษาอาจไม่เห็นผลเท่าที่ควร เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะการทำเลเซอร์รักษาฝ้าเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาเม็ดสีได้อย่างตรงจุด ช่วยให้รอยฝ้าและจุดด่างดำจางลง พร้อมเผยผิวที่ดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้นอีกครั้ง การทำเลเซอร์ฝ้าจึงเป็นคำตอบที่ช่วยคืนความมั่นใจให้เรากลับมามีผิวสวยใสได้อีกครั้ง

ทำความเข้าใจ “ฝ้า” ศัตรูตัวร้ายของผิวหน้า เกิดจากอะไร

ฝ้า (Melasma) คือภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลเทาหรือสีคล้ำบนใบหน้า ยิ่งโดนกระตุ้นจากแสงแดด ที่มีรังสียูวี (UV) ก็จะยิ่งเข้าไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีโดยตรง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้าด้วย เช่น 

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (การตั้งครรภ์ การใช้ยาคุมกำเนิด) 
  • พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง 

การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเลือกวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์ฝ้าที่เหมาะสม

ประเภทของฝ้าที่พบบ่อย 

ประเภทของฝ้าที่พบบ่อย

การรักษาฝ้าให้ได้ผลดีที่สุด แพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยประเภทของฝ้าก่อน เพื่อวางแผนการยิงเลเซอร์ฝ้า ได้อย่างแม่นยำ โดยทั่วไปฝ้าจะแบ่งตามความลึกของเม็ดสีได้ 2 ประเภทหลัก

ฝ้าแบบตื้น

ฝ้าแบบตื้นเกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นนอกสุด ลักษณะที่สังเกตได้คือ จะเป็นปื้นสีน้ำตาล มีขอบเขตค่อนข้างชัดเจน ฝ้าตื้นเป็นประเภทที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาทาหรือการทำเลเซอร์ฝ้า เนื่องจากเม็ดสีอยู่ไม่ลึกมาก ทำให้การกำจัดเม็ดสีทำได้ง่ายและใช้ระยะเวลาในการรักษาน้อยกว่าฝ้าชนิดอื่น ๆ การเลือกใช้เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาฝ้า ที่เหมาะสมจะช่วยให้ฝ้าตื้นจางลงอย่างรวดเร็ว

ฝ้าแบบลึก

ฝ้าแบบลึกเกิดจากการสะสมของเม็ดสีในชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งอยู่ลึกลงไปกว่าชั้นหนังกำพร้า ทำให้มองเห็นเป็นปื้นสีน้ำตาลอมเทาหรือสีน้ำตาลอมม่วง มีขอบเขตไม่ชัดเจนนัก และมักจะกลืนไปกับสีผิว ฝ้าชนิดนี้มีความท้าทายในการรักษามากกว่า ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าฝ้าตื้น การรักษาจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า ที่มีพลังงานสามารถลงไปถึงชั้นผิวที่ลึกพอ เพื่อทำลายเม็ดสีได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ การรักษาฝ้าลึกจึงต้องอาศัยความรู้ของแพทย์เป็นอย่างมาก

หลักการทำงานของ “เลเซอร์ฝ้า” ทำไมถึงช่วยให้ฝ้าจางลงได้?

การเลเซอร์ฝ้ามีหลักการสำคัญ คือการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Selective Photothermolysis” โดยเป็นการปล่อยพลังงานแสงเลเซอร์ ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงลงไปยังชั้นผิว พลังงานแสงนี้จะถูกดูดซับโดยเม็ดสีเมลานิน ที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่นเท่านั้น โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวปกติที่อยู่โดยรอบ เมื่อเม็ดสีดูดซับพลังงานเลเซอร์เข้าไป จะเกิดการแตกตัวออกเป็นอนุภาคเล็ก ๆ จากนั้นเม็ดเลือดขาวในร่างกายจะทำหน้าที่กำจัดอนุภาคเม็ดสีเหล่านี้ออกจากร่างกาย ตามกลไกธรรมชาติ ทำให้รอยฝ้าค่อย ๆ จางลง ผิวจึงดูสว่างและเรียบเนียนขึ้น

เทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้ามีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้ามีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันวงการแพทย์ผิวหนังได้พัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า ออกมาหลากหลายประเภท เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การรักษาปัญหาเม็ดสีที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีจุดเด่นและหลักการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

Pico Laser

Pico Laser หรือ Picosecond Laser ถือเป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า ที่ได้รับความนิยมในยุคนี้ จุดเด่นคือการปล่อยพลังงานเลเซอร์ด้วยความเร็วสูงถึงระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที (Picosecond) ซึ่งเร็วกว่าเลเซอร์รุ่นเดิม ๆ พลังงานที่สูงและรวดเร็วนี้จะทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคที่ละเอียดมาก ๆ โดยใช้พลังงานความร้อนน้อยกว่า จึงช่วยลดผลข้างเคียงเรื่องความร้อนสะสมใต้ผิวและลดโอกาสเกิดรอยดำหลังทำ (PIH) ได้ดี

Q-Switched Laser

Q-Switched Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า ระดับมาตรฐานที่ใช้กันมาอย่างยาวนานและยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาปัญหาเม็ดสี โดยจะปล่อยพลังงานในระดับนาโนวินาที (Nanosecond) เพื่อเข้าไปทำลายเม็ดสีโดยตรง นอกจากใช้เลเซอร์รักษาฝ้าแล้ว ยังใช้เลเซอร์กระ และรอยสักได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากใช้พลังงานความร้อนเป็นหลัก อาจทำให้รู้สึกเจ็บระหว่างทำได้บ้าง และต้องอาศัยความรู้ของแพทย์ในการตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

Dual Yellow Laser

Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ฝ้า ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวสูง โดยใช้พลังงานแสง 2 ชนิดผสมผสานกัน คือ แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษารอยแดงและเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติ (ซึ่งมักพบร่วมกับฝ้าบางชนิดที่เรียกว่า “ฝ้าเลือด”) และแสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร ที่ช่วยจัดการกับเม็ดสีโดยตรง จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทั้งรอยแดงและรอยดำบนใบหน้าพร้อม ๆ กัน

Fractional Laser

Fractional Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า ที่มีหลักการทำงานแตกต่างออกไป โดยจะปล่อยลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กมาก ๆ จำนวนมากลงไปบนผิว ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่า ที่มีเม็ดสีผิดปกติออกไป พร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงและมีสีผิวสม่ำเสมอขึ้นมาแทนที่ เหมาะสำหรับการรักษาฝ้าที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม ให้เรียบเนียนและดูกระชับขึ้นไปพร้อมกัน

CO2 Laser

เลเซอร์ CO2 จัดการฝ้าด้วยหลักการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่มีเม็ดสีสะสมอยู่ออกไป ซึ่งอาจช่วยให้ฝ้าชนิดตื้นดูจางลงได้ แต่จุดเด่นที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้คือการรักษาปัญหาโครงสร้างผิว โดยเฉพาะการรักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก และปรับสภาพรอยแผลเป็นชนิดต่าง ๆ ให้เรียบเนียนขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวโดยรวมแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์

Intense Pulsed Light (IPL)

แม้ว่า IPL จะไม่ใช่เลเซอร์โดยตรง แต่เป็นเทคโนโลยีแสงความเข้มสูงที่ถูกนำมาใช้รักษาปัญหาผิว โดยมีหลักการทำงานคือ ใช้ลำแสงที่มีช่วงคลื่นกว้าง เพื่อจัดการปัญหาผิวหลายอย่างพร้อมกัน เช่น รอยดำ รอยแดง และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น IPL เหมาะสำหรับฝ้าตื้น ๆ หรือปัญหาเม็ดสีที่ไม่ซับซ้อน แต่สำหรับฝ้าลึกหรือฝ้าที่ดื้อต่อการรักษา การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้า โดยตรงมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ขั้นตอนการเตรียมตัว และการดูแลผิว ก่อน-หลังทำเลเซอร์ฝ้า

เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง การเตรียมตัวก่อนทำและการดูแลผิวหลังทำอย่างถูกวิธีถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้า

  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ PA+++ ขึ้นไปเป็นประจำ
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด เช่น AHA BHA Retin-A หรือผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดการสครับผิว ขัดผิว หรือการทำทรีตเมนต์อื่น ๆ ในบริเวณที่จะทำเลเซอร์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก่อนวันนัดหมาย
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบโดยละเอียด

ขั้นตอนระหว่างการทำเลเซอร์ที่ M-Vita Clinic

  • เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าในบริเวณที่จะทำการรักษาอย่างหมดจด
  • การเลเซอร์บางชนิด อาจมีการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างทำ
  • แพทย์จะให้สวมแว่นตาป้องกันแสงเลเซอร์ เพื่อความปลอดภัยของดวงตา
  • แพทย์เริ่มทำการยิงเลเซอร์ฝ้า ไปยังบริเวณที่มีปัญหา โดยระหว่างทำอาจมีการใช้ลมเย็นเป่าเพื่อเพิ่มความสบายผิว
  • หลังทำเสร็จ เจ้าหน้าที่จะทำการประคบเย็นและทาครีมบำรุงที่ช่วยลดการระคายเคือง พร้อมทาครีมกันแดดให้ก่อนกลับบ้าน

วิธีดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันฝ้ากลับมา

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง
  • ประคบเย็น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวมแดงที่อาจเกิดขึ้นได้
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ทามอยส์เชอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • ห้ามแกะ เกา หรือถูบริเวณที่ทำเลเซอร์ โดยเด็ดขาด ควรปล่อยให้สะเก็ด (ถ้ามี) หลุดลอกออกไปเองตามธรรมชาติ
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 2-3 วันแรก
  • กลับไปพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามผลการรักษาและวางแผนการทำเลเซอร์รักษาฝ้า ในครั้งต่อไป

ข้อดีและข้อควรระวังของการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์\

ข้อดีและข้อควรระวังของการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์

ข้อดี

  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว กว่าการใช้ยาทาเพียงอย่างเดียว
  • จัดการปัญหาเม็ดสีได้ตรงจุด สามารถทำลายเม็ดสีที่อยู่ลึกในชั้นผิวได้
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนและสุขภาพดีขึ้น
  • ใช้เวลาในการทำไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน
  • เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ สำหรับฝ้าที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น

ข้อควรระวัง

  • อาจเกิดผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น รอยแดง อาการบวม หรือมีสะเก็ดเล็กน้อย
  • มีความเสี่ยงเกิดรอยดำหลังทำ (PIH) หากดูแลผิวหลังทำไม่ดีพอ หรือทำโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ
  • ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า การรักษาด้วยวิธีอื่น
  • ฝ้าสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากไม่หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น โดยเฉพาะแสงแดด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลเซอร์ฝ้า (FAQ)

เลเซอร์ฝ้าเจ็บไหม?

ความรู้สึกเจ็บระหว่างทำเลเซอร์ฝ้า นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปมักจะรู้สึกคล้ายหนังยางดีดเบา ๆ บนผิว ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ อีกทั้งก่อนทำจะมีการทายาชาและใช้เครื่องเป่าลมเย็นช่วย ทำให้ความรู้สึกเจ็บลดลงไปได้มาก

ต้องทำเลเซอร์ฝ้ากี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ฝ้า ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ความลึกของฝ้า และการตอบสนองของผิวแต่ละคน โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงว่าฝ้าจางลงตั้งแต่ครั้งแรก ๆ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและน่าพึงพอใจ แนะนำให้ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 2-4 สัปดาห์ตามคำแนะนำของแพทย์

ทำเลเซอร์ฝ้าแล้วหน้าจะบางลงจริงไหม?

ความเชื่อที่ว่าการทำเลเซอร์ฝ้า จะทำให้หน้าบางลงนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด การทำเลเซอร์ที่ถูกต้องด้วยพลังงานที่เหมาะสม จะเป็นการส่งพลังงานไปทำลายเฉพาะเม็ดสีที่ผิดปกติเท่านั้น โดยไม่ได้ทำลายเนื้อเยื่อผิวที่ดี ในทางกลับกัน เลเซอร์หลายชนิดยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและหนาขึ้นด้วยซ้ำ ปัญหาผิวบางอาจเกิดจากการใช้พลังงานที่ไม่เหมาะสมหรือทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

สรุปเลเซอร์ฝ้าคุ้มค่าหรือไม่? เลือกทำที่ไหนดีให้ปลอดภัยและเห็นผล

เลเซอร์ฝ้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการจัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างจริงจังและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในกรณีที่ฝ้าดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการรักษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ด้านผิวหนังคอยให้คำปรึกษาและทำการรักษาด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและผ่านการรับรอง เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเผยผิวสวยใสไร้จุดด่างดำอย่างยั่งยืน

ที่ M-Vita Clinic เราไม่ได้เพียงแค่ยิงเลเซอร์ แต่เรามอบ “โซลูชัน” ในการรักษาด้วย โปรแกรม MVS ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ดูแลโดยคุณหมอเอ็ม ใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและผ่านการรับรอง เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการเผยผิวสวยใสไร้จุดด่างดำอย่างยั่งยืน

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

วันเผยแพร่

By หมอเอ็ม นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล (Montri Udomprasertkul, M.D.)

แพทย์ประจำ M Vita Clinic เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 33000

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษา นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า