14 วิธีรักษาสิว

14 วิธีรักษาสิวด้วยตนเอง และการรักษาแบบเร่งด่วนโดยผู้เชี่ยวชาญ

“สิว” ปัญหาผิวที่มีโอกาสพบเจอได้บ่อยและสร้างความรำคาญใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกเจ็บสิวอักเสบ ผิวมีตุ่มนูนแดงแล้ว ยังทำให้คนคนนั้น สูญเสียความมั่นใจในการทำงานและการเข้าสังคมอีกด้วย 

ใครๆ ก็อยากจะดูดีในวันที่สำคัญที่สุดกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะครับ ฉะนั้น บทความนี้หมอก็ได้ทำการรวบรวม 14 วิธีรักษาสิว ที่จะช่วยลดสิว กู้ผิวให้กลับมาเนียนใส พร้อมทั้งวิธีการป้องกัน ทำยังไงไม่ให้กลับมาเป็นสิวซ้ำ ใครที่กำลังสงสัยหรือกังวลใจกับสิวอยู่ ห้ามพลาดบทความนี้นะครับ 
ก่อนอื่นหมอขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะครับ หมอชื่อ หมอเอ็ม นายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำเอ็มวีต้าคลินิกนะครับผม

รักษาสิว 7 Steps
รักษาสิวกับแพทย์
Line @ : @mvitaclinic

สิว (Acne) คืออะไร

สิว คืออะไร เกิดจากอะไร
สิว คืออะไร เกิดจากอะไร

สิว (Acne vulgaris) คือ ภาวะความผิดปกติบนหน่วยรูขุมขนและต่อมไขมัน(Pilosebaceous unit) ที่เกิดขึ้นจากรูขุมขนอุดตันจนกลายเป็นสิวขึ้นมา ซึ่งในบางครั้งก็มีโอกาสที่เนื้อเยื่อผิวบริเวณนั้นเกิดการติดเชื้อและการอักเสบ จนสิวอุดตันพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด

โดยวัยที่มีโอกาสพบสิวได้มากที่สุด ได้แก่ วัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งสิวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณใบหน้า ไหล่ สิวที่หลัง คอ และหน้าอก

สิวเกิดจากอะไร

หลายๆ คน อาจเคยมีคำถามว่า ทำไมดูแลผิวตั้งมากมาย ทั้งทาครีมบำรุง ทำความสะอาดใบหน้า แต่ก็ยังมีสิวขึ้นอยู่อีก แบบนี้สิวเกิดจากอะไรกันแน่? 

แท้ที่จริงแล้ว สิวเกิดจากหลากหลายสาเหตุกว่าที่เราคิด ซึ่งปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดสิว ได้แก่…

ฮอร์โมน

ฮอร์โมนในร่างกาย

“ฮอร์โมน” เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดสิวได้ อย่างที่ได้เคยบอกไว้ในข้างต้นนะครับว่า วัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น เป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดสิวมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและมีปริมาณฮอร์โมนเพศมาก จึงทำให้ไปกระตุ้นการเกิดสิวขึ้นมานั่นเอง

ส่วนฮอร์โมนเหล่านี้ ได้แก่ Testosterone และ Dihydrotestosterone(DHT) โดยถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในช่วงวัยเหล่านี้ แต่ก็อาจเกิดสิวฮอร์โมนขึ้นได้ หากบุคคลนั้นมีภาวะฮอร์โมนผิดปกติ

พันธุกรรม

กรรมพันธุ์

เรื่องของพันธุกรรม เราสามารถสังเกตง่ายๆ จากสมาชิกภายในครอบครัว หากสมาชิกภายในครอบครัวมีปัญหาเกี่ยวกับสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวเรื้อรัง หรือมีระดับความรุนแรงของสิวมาก ก็มีแนวโน้มที่เราจะเกิดปัญหาสิวคล้ายๆ กันได้ เนื่องจากได้รับพันธุกรรมมานั่นเอง

ปริมาณเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง

แบคทีเรีย C.acnes ก่อให้เกิดสิวหัวช้าง

โดยทั่วไปแล้ว บนผิวหนังของเราจะมีเชื้อแบคทีเรีย C. acnes (Cutibacterium acnes) อยู่เป็นเรื่องปกติครับ แต่ที่จู่ๆ มันกลายเป็นปัญหาสิวขึ้นมาได้ เพราะว่าผิวหนังมีปริมาณเชื้อแบคทีเรียเพิ่มขึ้นมากเกินไป จนทำให้เกิดการอักเสบตามมา

สภาพแวดล้อม

สภาพแวดล้อมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะส่งผลต่อการเกิดสิวได้ หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือผิวหนังต้องเผชิญกับแสงแดดมากจนเกินไป ก็มีโอกาสที่จะเกิดสิวขึ้นได้เช่นเดียวกัน

พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่กล่าวถึง ก็รวมตั้งแต่ การเลือกรับประทานอาหารประเภทนมและน้ำตาลมากจนเกินไป การสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ปิดทึบ ระบายอากาศไม่ดี ไม่สบายตัว การทำความสะอาดร่างกาย ไปจนถึงเรื่องของความเครียดสะสม การนอนหลับเลยทีเดียว

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง ควรเลือกที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพราะส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์บางอย่าง อาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่าย 

สิวมีกี่ชนิด

ก่อนจะไปดูวิธีรักษาสิว มาดูกันก่อนดีกว่าว่าสิวมีที่ประเภท

1. สิวที่ไม่มีการอักเสบ

ชนิดของสิวอุดตันใต้ผิวหนัง-01

สิวที่ไม่มีการอักเสบ(Non-inflammatory acne) คือ สิวที่มีลักษณะนูน เป็นเม็ดขนาดเล็ก มองเห็นไม่ค่อยชัดเจนเนื่องจากจะไม่ทำให้ผิวบริเวณนั้นแดง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าเม็ดสิวมีความแข็งๆ แต่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือบวม โดยชนิดสิวที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ได้แก่…

  • สิวอุดตัน
  • สิวไม่มีหัว
  • สิวหัวดำ
  • สิวผด
  • สิวไต

2. สิวที่มีการอักเสบ

สิวอักเสบ มีกี่ประเภท

สิวที่มีการอักเสบ (Inflammatory acne) คือ สิวที่มีลักษณะบวม นูนแดง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อสัมผัสแล้วจะให้ความรู้สึกเจ็บ ส่วนใหญ่เม็ดสิวมักจะมีขนาดปานกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือเป็นสิวหลายเม็ดที่เรียงติดๆ กัน จนเสมือนว่าเป็นสิวขนาดใหญ่ 

สิวประเภทนี้ ควรเข้ารับการรักษาสิว เพราะมีโอกาสที่จะเกิดหลุมสิวหรือรอยสิวภายหลังได้ โดยชนิดสิวที่อยู่ในประเภทนี้ ได้แก่… 

  • สิวหัวหนอง
  • สิวหัวช้าง
  • สิวติดสาร หรือ สิวสเตียรอยด์
  • สิวซีสต์

ระดับความรุนแรงของการเป็นสิว

ต่อไปนี้เรามาดูระดับความรุนแรงของสิวกันบ้าง โดยมีด้วยกันทั้งหมด 3 ระดับ ดังนี้

สิวระดับความรุนแรงน้อย (Mild Acne)

สิวที่มีระดับความรุนแรงน้อย ส่วนใหญ่มักจะเป็นเม็ดสิวอุดตันที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ เช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว หรืออาจพบสิวอักเสบขนาดเล็ก เช่น สิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง ประมาณ 5-10 จุด  

สิวระดับปานกลาง (Moderate Acne)

สิวระดับปานกลาง มักจะเกิดสิวอักเสบขนาดเล็กผสมกับสิวอักเสบขนาดใหญ่ โดยมักจะมีสิวอักเสบขนาดเล็ก 10 จุดขึ้นไป และมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ร่วมอยู่ด้วยประมาณ 1-5 จุด

สิวที่มีความรุนแรงมาก (Severe Acne)

สิวระดับความรุนแรงมาก จะพบทั้งสิวอักเสบขนาดเล็กและสิวอักเสบขนาดใหญ่รวมกันเป็นจำนวนมาก และมักจะเห่อขึ้นตามบริเวณต่างๆ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก แนะนำว่าควรรีบเข้ารักษาสิวเพื่อยับยั้งอาการดังกล่าว และป้องกันการเกิดรอยดำ รอยแดง จากสิว หรือโอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็นจากสิวขึ้นได้

14 วิธีรักษาสิว ลดสิว ให้หายด้วยตัวเอง

รวม 14 วิธีรักษาสิวง่ายๆ ทำที่บ้านก็สามารถหายได้

1. กินยารักษาสิว

รับประทานยารักษาสิว

การกินยารักษาสิว จะสามารถออกฤทธิ์เพื่อช่วยลดการสร้างและหลั่งน้ำมัน ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบที่เกิดขึ้นได้ครับ แต่อย่างไรก็ตาม การกินยาควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากยาแต่ละชนิดอาจมีผลข้างเคียง 

2. ใช้ยาทารักษาสิว

รักษาด้วยยาทาเฉพาะที่

ยาทารักษาสิว จัดได้ว่าเป็นไอเทมยอดฮิตที่คนเป็นสิวบ่อยๆ รู้จักกันดีเลยหล่ะครับ เพราะนอกจากจะใช้งานง่าย ราคาจับต้องได้ หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ลดสิว ลดการอักเสบได้แล้ว ยังมีหลายชนิดให้เลือกสรรได้ตามใจ ดังนี้

  • ยาทากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ 
  • กลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์
  • กรดอะเซเลอิค
  • ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • กรดซาลิไซลิก
  • ยาที่มีซัลเฟอร์หรือกำมะถันเป็นส่วนประกอบ

อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้ยาทาเหล่านี้ตามคำแนะนำของเภสัชหรือแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้

3. ยาปฏิชีวนะ

การใช้ยาปฏิชีวนะ สามารถช่วยรักษาสิวที่มีระดับความรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงมากได้ โดยยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่มักจะต้องใช้ควบคู่กับยาอื่นๆ เช่น Benzoyl Peroxide เพื่อป้องกันภาวะเชื้อดื้อยาด้วยครับ  

4. ล้างหน้าให้สะอาด

ล้างหน้าและผิวให้สะอาด

การล้างหน้าให้สะอาดเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาสิว ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว อย่าใช้สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรงเพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง จากนั้นให้ซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้าสะอาด การล้างหน้าอย่างถูกวิธีจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และแบคทีเรียที่อุดตันรูขุมขนบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้

5. ทาครีมกันแดด

ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

หลายคนอาจจะมองข้ามขั้นตอนของการทาครีมกันแดดไป เพราะคิดว่าอาจจะไม่ช่วยในเรื่องสิว แต่จริงๆ แล้ว การทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวและป้องกันสิว แสงแดดสามารถทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และเพิ่มการผลิตน้ำมัน ซึ่งนำไปสู่การเกิดสิว จึงควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอแม้อยู่ในร่ม และเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และควรเลือกชนิดที่เหมาะกับผิวที่เป็นสิวง่าย เพื่อลดโอกาสอุดตันรูขุมขน

6. งดการแต่งหน้า

วิธีที่ช่วยให้ผิวได้พักผ่อนและฟื้นฟูตัวเองคืองดการแต่งหน้า เครื่องสำอางหลายชนิดมีส่วนผสมที่อาจอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ หากจำเป็นต้องแต่งหน้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน และไม่อุดตันรูขุมขน หรือใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุด และล้างออกให้สะอาดหมดจดก่อนนอน อย่าลืมทำความสะอาดแปรงและฟองน้ำแต่งหน้าสม่ำเสมอ เพราะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย

7. งดการกินน้ำตาล

การรับประทานอาหาร

การลดน้ำตาลเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดสิว อาหารที่มีน้ำตาลสูง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินมากขึ้น ซึ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหนังและเพิ่มการอักเสบ นำไปสู่การเกิดสิวที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

8. รับประทานอาหารที่ช่วยลดสิว

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ ควรเน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว เช่น วิตามิน A, C, E และสังกะสี ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ช่วยปกป้องผิว ถั่วและเมล็ดพืชที่ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง เป็นต้น

9. ดื่มน้ำเยอะๆ

ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ

ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสิวและสุขภาพผิวโดยรวม น้ำช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยให้เซลล์ผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10. พักผ่อนให้เพียงพอ

พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสิวและสุขภาพผิว ระหว่างการนอนหลับ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนซึ่งช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแลดูสดใสและมีสุขภาพดี ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน การนอนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนความเครียดมากขึ้น ซึ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหนังและนำไปสู่การเกิดสิว

11. ออกกำลังกาย ลดเครียด

การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดีขึ้น ช่วยขับเหงื่อและสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

12. มาส์กหน้ารักษาสิว

ที่จริงแล้ว การมาส์กหน้าก็มีประโยชน์ในการรักษาสิวเช่นเดียวกัน เพราะสามารถช่วยในเรื่องของการปลอบประโลมผิว รักษาสมดุลความชุ่มชื้นภายในผิว บำรุงให้สารอาหารผิวเพิ่มเติม ผ่อนคลายผิวหน้าและความเครียด ทำให้ผิวหน้ากลับมาดูเนียน สดใส ลดโอกาสการเกิดสิวได้อีกด้วย

13. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการอักเสบ อ่อนโยนต่อผิวหนัง จะช่วยให้เนื้อเยื่อเกิดการฟื้นฟูตนเองได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากไม่มีสารเข้ามากระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบซ้ำๆ สิวก็จะมีโอกาสจางหายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

14. รักษาสิวด้วยครีมบำรุงสิว

การเลือกใช้ครีมบำรุงก็มีส่วนสำคัญ เราจะต้องดูส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก หากคุณเป็นคนที่ผิวบอบบาง เป็นสิวง่าย ควรจะหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ การอุดตัน อย่างการใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวแบบ Non-allergenic หรือ Non-acnegenic เป็นต้น

เลเซอร์รอยสิว ที่ เอ็มวีต้าคลินิก
Line @ : @mvitaclinic

การรักษาสิวเร่งด่วน สามารถทำได้ดังนี้

ดูวิธีรักษาสิวด้วยตัวเองกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูวิธีรักษาแบบเร่งด่วน ที่สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่ทำการรักษากันบ้าง

กดสิว

การกดสิว

หลายๆ คน คงสงสัยว่า การกดสิวจะช่วยในการรักษาสิวได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าจะทำให้เกิดการบวม อักเสบขึ้นมากกว่าเดิมเหรอ? 

หมอต้องขอบอกก่อนนะครับว่า จริงๆ แล้ว การกดสิวกับการบีบสิวไม่เหมือนกัน การกดสิวจะใช้เครื่องมือทำ โดยแพทย์ที่มีทักษะการกดสิวอย่างถูกวิธี จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือการนำหัวสิวที่อุดตัน หรือหนองที่ค้างอยู่ภายในสิวออกมา สิวก็จะค่อยๆ ยุบตัว การอักเสบลดลง และจางหายไปในที่สุด

ส่วนการบีบสิว จะเป็นการใช้นิ้วมือบีบบริเวณที่เป็นตุ่มสิว ซึ่งหากทำรุนแรงจนเกินไป หรือทำผิดวิธี ก็จะทำให้สิวมีการอักเสบ บวมแดงขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดรอยสิวขึ้นตามหลัง ทำให้หลายๆ คน ต้องเสียเงินไปรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์รอยสิวอีก

เลเซอร์รักษาสิว

เลเซอร์รักษาสิว

เลเซอร์เป็นการรักษาด้วยการใช้คลื่นพลังงานแสงยิงเข้าสู่ผิวบริเวณที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสามารถทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำเลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์รอยดำ หรือเลเซอร์รักษาสิว เพื่อทำให้ปัญหาสิวดีขึ้นอย่างรวดเร็วและแก้ไขอย่างตรงจุด

ฉีดสิว

ฉีดสิว

การฉีดสิว เป็นการฉีดยาที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบเข้าสู่เม็ดสิวโดยตรง มักจะทำในผู้ที่มีสิวอักเสบ บวมเป็นก้อนใต้ผิวหนัง เพราะจะทำให้สิวเกิดการอักเสบลดลง ไม่ต้องกรีดให้เกิดแผลใหม่ สามารถทำให้สิวยุบและจางหายได้เร็ว แต่อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็นตามมาได้

ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หากเป็นสิวแล้วไม่มั่นใจว่าจะต้องทำอย่างไร อยากรักษาสิวอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมา หรือคนที่เป็นสิวเรื้อรัง ไม่หายสักที การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและตรงจุดเช่นกัน เพราะนอกจากจะค้นหาสาเหตุแล้ว ยังสามารถวางแผนการรักษาที่ต้นตอ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

หยุดพฤติกรรมเหล่านี้! ถ้าอยากให้หน้าใส ห่างไกลสิว

รอยแกะสิว
รอยแกะสิว

ถ้าอยากให้สิวหายขาด ควรเลิกพฤติกรรมเหล่านี้!

1. หยุด! บีบ แกะ แคะ เกา สิว

หยุดการบีบ แกะ แคะ เกาสิว ถ้าไม่อยากให้ผิวหน้า เป็นรอยสิว หลุมสิว จนต้องไปฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวทีหลัง เพราะการบีบ แกะ แคะ เกา อาจกระตุ้นให้สิวเกิดการอักเสบภายในเพิ่มขึ้นได้ 

2. หยุด! สัมผัสหน้าหากไม่จำเป็น

การใช้มือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และชอบนำขึ้นมาสัมผัสบริเวณผิวหน้าบ่อยๆ โดยเฉพาะพื้นที่ยอดฮิต ก็จะทำให้มีโอกาสที่สิวขึ้นหน้าผาก สิวขึ้นคางได้ เนื่องจากเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย สิ่งสกปรก ฝุ่นต่างๆ ขึ้นมาเกาะบริเวณผิวหนังนั่นเอง

3. หยุด! ทานของหวาน หรืออาหารพวกนมต่างๆ

การทานของหวาน หรืออาหารจำพวกนมบ่อยๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดความเสี่ยงต่อการอุดตันรูขุมขนหรือสมดุลบนใบหน้าได้รับความเสียหายได้

4. หยุด! พักผ่อนน้อย นอนดึก

พักผ่อนน้อย นอนดึก เป็นศัตรูตัวฉกาจที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง เมื่อเชื้อต่างๆ มีปริมาณมากขึ้นและเข้าสู่ร่างกาย ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบขึ้นมาได้

5. หยุด! การล้างหน้าแบบผิดวิธี

การล้างหน้าแบบผิดวิธี เช่น การถูผิวหน้าแรงๆ การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่เหมาะกับผิว ไม่อ่อนโยน ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสภาพผิวหน้าไม่แข็งแรงเพียงพอ

6. หยุด! เผชิญแสงแดดโดยไม่ป้องกัน

แสงแดด อันตรายกว่าที่เราคิด เพราะแสงแดดสามารถทำให้สภาพผิวขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น และได้รับความเสียหายได้ เราจึงควรป้องกันด้วยการใส่อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น ครีมกันแดด แว่นตากันแดด ร่ม หมวก หรือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายปกปิดผิวไม่ให้ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง

รักษาสิวที่เอ็มวีต้าคลินิก 

“เอ็มวีต้าคลินิก” ทางเราเป็นคลินิกที่มีการให้บริการมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี มีเคสรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง รักษาเสร็จสิ้นจนเห็นผลลัพธ์ชัดเจนกว่า 10,000 เคสขึ้นไป 

ให้คุณสามารถมั่นใจ ไร้ความกังวล เพราะทางเรามีทั้งคุณหมอและพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง มาคอยดูแล ให้คำแนะนำคุณในทุกขั้นตอน พร้อมทั้งมีบริการติดตามผลหลังการรักษาสิว เพื่อให้ปัญหาสิว ผิวพัง หายขาดในระยะยาว ไม่ต้องกลับมาเป็นซ้ำๆ

เลเซอร์รอยสิว ที่ เอ็มวีต้าคลินิก
Line @ : @mvitaclinic

โดยทางเอ็มวีต้าคลินิก เรามีโปรแกรมเด่นๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้ 

Acni-CLEAR

โปรแกรม Acni-Clear เป็นโปรแกรมที่รักษาสิวได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสิวหัวขาว สิวอุดตัน สิวอักเสบ ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวชัดเจน ไม่ค่อยมีรอยสิวปรากฏ

Med-ACLEAR

โปรแกรม Medi-Aclear เป็นโปรแกรมยอดนิยมที่รักษาทั้งสิวและรอยได้อย่างครบวงจร โดยหมอจะมีการทำทรีตเม้นท์รักษาสิว ร่วมกับการใช้เลเซอร์แสงสีเหลือง “QuadrostarPro Yellow” หรือที่เรียกในอีกชื่อว่า “pro yellow Laser” เป็นการใช้พลังงานแสงที่มีความยาวคลื่น 577 นาโนเมตร ยิงเข้าสู่ผิวบริเวณที่มีปัญหา ซึ่งจะสามารถช่วยในเรื่องของการรักษาสิว รอยดำ รอยแดง จุดด่างดำ ปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด คีลอยด์ รอยแผลเป็น รวมไปจนถึงการทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วยครับ โปรแกรมนี้แนะนำเลยครับ ได้ผลดีและเร็วมากที่สุดจริงๆครับ

สิวฮอร์โมนหน้าผาก
โปรแกรมรักษาสิวฮอร์โมน

รีวิว รักษาสิวกับแพทย์

รีวิวจากลูกค้าของ M Vita Clinic ครับ

รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณอาย-1-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณอาย-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-ครีม-2-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-ครีม-1-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณมัช-2-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณมัช-1-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณนัท-2-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-คุณนัท-1-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-1-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-2-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-A-01-1
รีวิว-รักษาสิวและรอย-A2-01-1

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรักษาสิว ( Q & A )

Q : รักษาสิวด้วยตัวเองได้ไหม?

สามารถรักษาสิวด้วยตนเองได้ครับ เนื่องจากโดยปกติสิวสามารถเกิดขึ้นและจางหายไปเองได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังจำเป็นต้องดูให้ดีว่า เป็นสิวชนิดไหน ระดับความรุนแรงมากไหม? เพราะสิวบางชนิดหากเกิดการอักเสบรุนแรงมาก ไม่ได้รักษาสิวอย่างถูกวิธี เวลาที่สิวจางหายไปจะมีโอกาสทิ้งรอยดำ รอยแดง หรือเป็นหลุมสิวไว้นั่นเอง ซึ่งในกรณีท่านที่เป็นสิวรุนแรง หมอแนะนำว่าควรเข้ารับการรักษาสิวโดยแพทย์ที่มีความชำนาญโดยตรงเลยจะได้ผลไวกว่า และดีกว่าการรักษาด้วยตัวเองครับ

Q : ทำยังไงให้สิวหายเร็วๆ ?

การที่สิวจางหายไป จำเป็นต้องใช้เวลา แต่เราก็สามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้ จากการเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี และปรับพฤติกรรมบางอย่างให้ดีขึ้น เช่น การไม่บีบ แกะ แคะสิว การไม่สัมผัสสิวบ่อยๆ หรือการผ่อนคลายความเครียดบ้าง ฯลฯ ก็จะทำให้สิวจางหายได้เร็วขึ้น

Q : เป็นสิวแต่งหน้าได้ไหม ?

หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงแต่งหน้า เพื่อให้ผิวหน้าได้ฟื้นฟูตนเองแบบไม่มีสารอื่นๆ มากระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองซ้ำ และอาจทำให้สิวจางหายได้เร็วกว่า

แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแต่งหน้าจริงๆ ก็สามารถทำได้ครับ เพียงแค่ต้องระวังเรื่องของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอุดตันรูขุมขนเพิ่ม ไม่ควรใช้รองพื้นหรือครีมที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวอุดตันง่าย และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม ควรทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกอย่างหมดจดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน

Q : กินช็อกโกแลตทำให้สิวขึ้นจริงหรือไม่ ?

สำหรับกลุ่มที่ชื่นชอบช็อกโกแลตอย่างเราๆ ก็มักจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า “กินช็อกโกแลตจะทำให้สิวขึ้น” ต้องขอบอกเลยนะครับว่า ในความเป็นจริงแล้ว ช็อกโกแลตไม่ได้ทำให้สิวขึ้น แต่ส่วนผสมอื่นๆ ที่อยู่ภายในช็อกโกแลตอย่างนมและน้ำตาลต่างหากที่เป็นตัวการในการเกิดสิว

สรุป วิธีรักษาสิว

สิวถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ ซึ่งแต่ละประเภท มีลักษณะสิว ระดับความรุนแรง และวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะสิวอักเสบระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างยิ่ง เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้จนหายเอง หรือรักษาสิวไม่ถูกวิธี จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดรอยสิว หลุมสิวตามมาได้

ที่ M Vita Clinic เรามีเทคโนโลยีมากมายที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็น Q switch Laser Dual Yellow Laser Diode Laser ฯลฯ ไม่ว่าจะปัญหาผิวแบบไหนก็สามารถจัดการได้ โดยแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจะคอยดูแลคุณตลอดทั้งกระบวนการรักษา หากใครสนใจเข้ารับบริการ สามารถติดต่อได้ที่…

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมากๆครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

เอกสารอ้างอิง 

วันเผยแพร่

ปรึกษาทุกปัญหาความงามกับคุณหมอโดยตรง

    ชื่อ-สกุล*:

    เบอร์ติดต่อกลับ*:

    อีเมล์สำหรับส่งข้อมูล *

    เพศ:

    ชายหญิง

    อายุ (ปี):


    ต้องการปรึกษาคุณหมอเรื่องใด*:

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษา นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า