สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร

สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร? รู้ทันต้นตอและวิธีรักษาอย่างตรงจุด

เป็นสิวที่เดิมซ้ำ ๆ ไม่หายสักที โดยเฉพาะบริเวณแนวกราม คาง และรอบปาก ทั้งที่ดูแลความสะอาดอย่างดีแล้ว แต่สิวอักเสบเม็ดใหญ่ไม่มีหัวก็ยังคงวนเวียนกลับมาสร้างความกังวลใจ ปัญหาเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ “สิวฮอร์โมน” หรือสิวหนุ่มสาวที่เกิดจากฮอร์โมน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนผิดปกติเท่านั้น แต่บางท่านมีความเครียด หรือสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงรอบประจำเดือน ช่วงหมดประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็สามารถเป็นสิวฮอร์โมนได้เช่นกัน ซึ่งเป็นสิวที่เกิดจากความไม่สมดุลภายในร่างกายและต้องการการรักษาที่ตรงจุดมากกว่าการดูแลผิวทั่วไป

บทความนี้ หมอเอ็ม นายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล แพทย์ประจำ M Vita Clinic จะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับสิวฮอร์โมนแบบเจาะลึก ตั้งแต่สาเหตุ ลักษณะเด่น ไปจนถึงแนวทางการรักษาที่ได้ผลจริง เพื่อคืนความมั่นใจและผิวใสให้กับทุกคนครับ

รีวิว รักษาสิวและรอย คุณอาย 1

เอ็มวีต้าคลินิก สิวฮอร์โมน

หมอขออนุญาตแนะนำตัวก่อนนะครับ หมอชื่อหมอเอ็ม นายแพทย์มนตรี อุดมประเสริฐกุล เป็นแพทย์ประจำเอ็มวีต้าคลินิกครับ

สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) คืออะไร

สิวฮอร์โมน เป็นสิวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงและความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) หรือฮอร์โมนเพศชาย (ซึ่งมีอยู่ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง) ที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) มากเกินไป เมื่อน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย C.acne และนำไปสู่การอักเสบเป็นสิวในที่สุด จึงก่อให้เกิดสิว สิวหัวดำ และสิวหัวขาว สิวชนิดนี้มักพบได้บ่อยในกลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ และมักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ 

สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร

สิวฮอร์โมน เกิดจากอะไร

สิวฮอร์โมนเป็นสิวชนิดหนึ่ง เกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุ ดังนี้

  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
  • ช่วงที่มีประจำเดือน
  • ช่วงหมดประจำเดือน
  • ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ
  • ความเครียด
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ช่วงตั้งครรภ์

ฮอร์โมนที่มีปริมาณผิดปกติจะกระตุ้นต่อมไขมันในรูขุมขนให้ผลิตน้ำมันซีบัมมากขึ้น ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนและก่อตัวเป็นสิวฮอร์โมน ซึ่งสิวฮอร์โมนจะแตกต่างจากสิวทั่วไปตรงที่ สิวฮอร์โมนมีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่สิวทั่วไปจะเกิดจากซีบัม เชื้อแบคทีเรีย C.acne และเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันในรูขุมขน

รักษารอยแผลสิว

เช็กเลย! ลักษณะสิวฮอร์โมนเป็นแบบไหน

ลักษณะของสิวฮอร์โมน แม้จะดูคล้ายสิวทั่วไป แต่สิวฮอร์โมนก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตได้ง่าย ไม่เหมือนเหมือนกับสิวอื่น ๆ ที่เป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ โดยสิวฮอร์โมนมีลักษณะดังนี้

  • มักมีอาการผิวมัน รูขุมขนกว้างร่วมด้วย
  • ขนาดสิวอักเสบเม็ดใหญ่ มักเป็นสิวลักษณะไตแข็ง ๆ นูน ๆ อยู่ใต้ผิว กด แล้วเจ็บ หรือเป็นสิวซีสต์ (Cystic Acne) ที่ไม่มีหัวชัดเจน อาจมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
  • ขึ้นซ้ำที่เดิม สิวฮอร์โมนมักจะเกิดในบริเวณเดิม ๆ โดยเฉพาะ U-Zone ของใบหน้า เมื่อขึ้นแล้วมักอยู่นาน ไม่ค่อยยุบ หายช้า และเป็นซ้ำ ๆ หรือมีอาการเป็นเรื้อรัง
  • หายช้า อยู่นาน หลังจากหายแล้ว อาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือรอยคล้ำได้

บริเวณที่มักเกิดสิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมนมักจะเกิดขึ้นบนใบหน้า ในบริเวณที่ต่อมไขมันมีความไวต่อฮอร์โมนเป็นพิเศษ

หน้าผาก

สิวที่หน้าผาก อาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอและนอนดึก จนทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันออกมาและเกิดสิวขึ้นหน้าผากได้ นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในน้อง ๆ คนไข้ที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว

แก้ม

สิวที่แก้ม เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนภายในร่างกาย เช่น ปริมาณฮอร์โมนที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและสารอื่น ๆ ในผิวหนังได้มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันของต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง และทำให้เกิดสิวที่แก้มได้

คาง

สิวขึ้นคาง หรือสิวฮอร์โมนที่คางมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงมีประจำเดือน หรือท่านที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น กลุ่มอาการ PCOS เป็นต้น

หลัง

สิวที่หลัง อาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนได้เช่นกัน หลักการเกิดสิวที่หลังเหมือนกับบริเวณอื่นข้างต้น แต่บริเวณหลังจะเป็นจุดที่สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เช่น การสวมเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวที่ไม่สะอาด ทำให้ไปกระตุ้นการเป็นสิวที่หลังได้ง่าย

อก

สิวฮอร์โมนที่อกอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ฮอร์โมนส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำมันในผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันของต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวชนิดนี้บนหน้าอกได้

แขน

เกิดจากการที่ฮอร์โมนไม่สมดุล การเพิ่มระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนอาจทำให้ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันมากขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อไขมันเหล่านี้ผสมกับปัจจัยภายนอก เช่น การสวมเสื้อผ้า การทาครีมบำรุงผิว อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวที่แขนได้ เช่นเดียวกับบริเวณอื่น ๆ

ฮอร์โมนทำให้เกิดสิวได้อย่างไร

สิวฮอร์โมนเกิดจากแอนโดรเจนหรือฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง หากเพศหญิงมีปริมาณแอนโดรเจนที่เหมาะสม จะไม่ทำให้เกิดปัญหาสิวชนิดนี้ แต่เมื่อแอนโดรเจนเพิ่มมากขึ้น ฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นต่อมไขมันในผิวหนังให้ผลิตซีบัม ซึ่งเป็นสารที่มีความมันเพื่อช่วยหล่อลื่นผิวหนังและเส้นผม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการผลิตซีบัมมากเกินไป จึงทำให้อุดตันรูขุมขนและเกิดสิวได้

สำหรับผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างรอบเดือนสามารถนำไปสู่การเพิ่มการผลิตแอนโดรเจนได้เหมือนกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวก่อนและระหว่างมีประจำเดือน รวมถึงความไม่สมดุลของฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้ผู้หญิงเกิดสิวได้เช่นกัน

ส่วนผู้ชาย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยแรกรุ่นจะทำให้ร่างกายผลิตแอนโดรเจนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้ ทั้งนี้ การผลิตแอนโดรเจนยังสามารถกระตุ้นได้ด้วยยาบางชนิดเช่นกัน เช่น อนาโบลิคสเตียรอยด์ เป็นต้น

สิวฮอร์โมนแตกต่างจากสิวอื่นอย่างไร

สิวฮอร์โมนแตกต่างจากสิวอื่นอย่างไร
สิวฮอร์โมนสิวประเภทอื่น
สาเหตุหลักความไม่สมดุลของฮอร์โมน (โดยเฉพาะแอนโดรเจน) ที่กระตุ้นต่อมไขมันมากผิดปกติการอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวเก่าและความมันส่วนเกิน ร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย P. acnes และอาการแพ้
บริเวณที่พบบ่อยโซน U-Zone แนวกราม คาง และรอบปากทั่วใบหน้า โดยเฉพาะ โซน T-Zone และสามารถเกิดได้ทุกที่ เช่น หน้าอก แผ่นหลัง
ลักษณะของสิวมักเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง กดแล้วเจ็บ และไม่มีหัวมีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่สิวอุดตัน (สิวหัวขาว, สิวหัวดำ) ไปจนถึงสิวอักเสบ (ตุ่มนูนแดง, สิวหัวหนอง)
พฤติกรรมของสิวมักขึ้นซ้ำ ๆ ที่เดิม เป็นสิวเรื้อรัง เมื่อยุบอาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือไตแข็งไว้ใต้ผิวตอบสนองต่อการรักษาเฉพาะที่ได้ดีกว่า และมักไม่ขึ้นซ้ำที่เดิมหากปัจจัยกระตุ้นถูกแก้ไข
รักษารอยแผลสิว

วิธีรักษาสิวฮอร์โมน

การรักษาสิวฮอร์โมน ให้ได้ผลดีที่สุด จำเป็นต้องผสมผสานการปรับสมดุลจากภายในเข้ากับการดูแลผิวภายนอกภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ

1. ทานยารักษาสิว

  • รับประทานยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ใช้เพื่อลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในระยะสั้น ๆ แต่การรับประทานยาอาจมีผลข้างเคียงได้ จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ยาคุมกำเนิด (Oral Contraceptives) เพื่อลดปริมาณแอนโดรเจน (Androgen) ช่วยปรับระดับฮอร์โมนและลดการทำงานของต่อมไขมัน
  • ยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน (Anti-androgen Drugs) เช่น Spironolactone ใช้เพื่อยับยั้งผลของฮอร์โมนที่กระตุ้นการเกิดสิว
  • กลุ่มยาอนุพันธ์วิตามินเอ (Isotretinoin) ใช้ในกรณีที่เป็นสิวรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • รับประทานยาไอโซเตรทติโนอินที่นิยมใช้ในการรักษาสิว สำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบปานกลาง ขั้นรุนแรง มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมันที่ผลิตซีบัม และช่วยลดการอักเสบ

2. ใช้ยาทารักษาสิว

  • ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) สามารถรักษาได้ทั้งสิวอุดตัน และสิวอักเสบ ช่วยลดการอุดตันและลดการอักเสบ แต่ตัวยายังคงมีข้อควรระวังคือ อาจทำให้ผิวแห้งลอก และไวต่อแสงได้
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C.acne ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว สิวอุดตัน สิวอักเสบ มีข้อควรระวังคือ อาจทำให้ผิวแห้งลอก และระคายเคือง
  •  กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และลดรอยดำจากสิว

3. ฉีดสิว

การฉีดสิว (Corticosteroid Injections) เป็นการฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปที่สิวอักเสบเม็ดใหญ่โดยตรง เพื่อลดการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวที่เป็นก้อนแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง สิวอักเสบ ปวดบวมแดง ลดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สิวยุบไวขึ้น ให้ผลการรักษาที่ดี แต่ควรใช้ยาทาและวิธีการรักษาอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย

4. เลเซอร์สิว

การรักษาสิวด้วยเลเซอร์และการบำบัดด้วยแสง โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ลดการอักเสบ กระตุ้นการซ่อมแซมผิว ลดโอกาสการเกิดรอยสิว รอยแผลเป็นได้ดี ผลข้างเคียงน้อย และให้ผลลัพธ์ดีอีกด้วย

5.ใช้สารผลัดเซลล์ผิว

  • กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) การใช้กรดควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ หากใช้ในปริมาณไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวแสบ หรือเบิร์นได้ โดยกรดอะซีลาอิก เป็นที่ได้จากสารสกัดตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยลดการอุดตันรูขุมขน ต้านการสร้างเม็ดสี และลดรอยดำหลังจากการรักษาสิวได้ดีอีกด้วย
  • ใช้เคมีผลักเซลล์ผิว (Chemical Peel) โดยการผลัดผิวหนังชั้นนอกสุดออกมา เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขนและช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ หากใช้ในปริมาณไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวแสบ หรือเบิร์นได้ครับ

6. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง

การปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาสิวจะทำให้รักษาได้อย่างตรงจุดที่สุด และให้ผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากสิวชนิดนี้เกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย จึงควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์จะดีที่สุด

ค้นหาคลินิกรักษาสิวใกล้ฉัน เพื่อปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลยครับ

แนวทางป้องกันสิวฮอร์โมน และปรับพฤติกรรม (Lifestyle Modification)

เนื่องจากสิวฮอร์โมนเกิดจากสาเหตุภายในร่างกาย เราจึงสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้

  • พยายามไม่เครียด เพราะความเครียดกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งทำให้สิวเห่อได้ ลองหากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย โยคะ นั่งสมาธิ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รักษาความสะอาด จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวได้ โดยเฉพาะดูแลความสะอาดของใช้ที่สัมผัสใบหน้า เช่น ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า โทรศัพท์มือถือ
  • เลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงของมัน ของทอด ของหวาน และผลิตภัณฑ์จากนมวัวในปริมาณมาก ซึ่งอาจกระตุ้นการอักเสบได้ เน้นทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง

งดบีบ แกะ เกาโดยเด็ดขาด นอกจากจะทำให้สิวไม่หายแล้ว การกระทำดังกล่าวจะยิ่งผลักการอักเสบให้ลึกลงไป ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจาย เกิดเป็นรอยแผลเป็นที่รักษายากยิ่งกว่าเดิม

สิวฮอร์โมนจะหายไปตอนไหน

โดยทั่วไป สิวฮอร์โมนของวัยรุ่นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เนื่องจากระดับฮอร์โมนเริ่มคงที่และการทำงานของต่อมไขมันลดลง ในขณะที่ผู้หญิงจะเริ่มดีขึ้นเมื่ออายุประมาณ 20-25 ปี ส่วนผู้ชายอาจต้องรอจนถึงอายุ 25-30 ปี อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่สิวฮอร์โมนจะหายนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วย เช่น พันธุกรรม ความเครียด อาหารที่รับประทาน และการดูแลผิว

แต่ถ้าหากเป็นสิวรุนแรงหรือเรื้อรังโดนไม่มีท่าทีจะดีขึ้นแม้ดูแลผิวอย่างดีแล้ว ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาจต้องใช้ยาเฉพาะทางเพื่อควบคุมการทำงานของฮอร์โมนและลดการอักเสบของผิว

หากต้องการคำปรึกษา สามารถสอบถามได้ที่… Line: @mvitaclinic เลยนะครับ

รักษารอยแผลสิว

สิวฮอร์โมนสามารถกดได้หรือไม่

การกดหรือบีบสิวฮอร์โมนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะสิวชนิดนี้มักเกิดการอักเสบในชั้นผิวที่ลึกและมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย การกดสิวจะทำให้การอักเสบรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นและรอยดำบนใบหน้าด้วย นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น ทำให้เกิดสิวลุกลามเป็นบริเวณกว้างสิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดสิวฮอร์โมนก็คือ ควรดูแลผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิว ที่สำคัญคือควรรักษาความสะอาดของมือและสิ่งของที่ต้องสัมผัสกับใบหน้า เช่น หมอน ผ้าเช็ดหน้า หรือโทรศัพท์มือถือ

สรุปบทความสิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป การรักษาจำเป็นที่ต้องปรึกษาแพทย์โดยตรง ไม่แนะนำให้ซื้อยาเพื่อรักษาด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสิวฮอร์โมนหมอเอ็ม ยินดีให้คำปรึกษาฟรี!! ครับ 

หรือใครอยากจะเริ่มรักษา สามารถเข้ามาปรึกษากันก่อนได้ครับ ที่ M Vita Clinic หมอเอ็มเข้าใจปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง และได้ออกแบบโปรแกรม Medi-Aclear เพื่อเป็นคำตอบที่ครบวงจรสำหรับผู้ที่เผชิญกับปัญหาสิวฮอร์โมนโดยเฉพาะ โปรแกรมนี่ไม่ใช่แค่การรักษาสิว แต่เป็นการวิเคราะห์ปัญหา และจ่ายยาแบบ Case by Case พร้อมใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ช่วยลดการอักเสบและลบรอยสิวควบคู่กันไป เพื่อคืนความมั่นใจให้คุณกลับมามีผิวสวยใสอีกครั้ง

คุณหมอเอ็มให้กำลังใจคนเป็นสิวทุกท่านนะครับ ว่าสิวไม่มีหัวรักษาหายได้ อย่างตรงจุด ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ กลับมาผิวสวย หน้าใส อีกครั้งครับ

หากสนใจ สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ตามช่องทางด้านล่างนี้เลยนะครับ

  • เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์)
  • อังคาร – ศุกร์ : 11:00 – 20:00 , เสาร์ – อาทิตย์ : 10:00 – 20:00
  • ตั้งอยู่บน ถนน อโศกมนตรี หรือสุขุมวิท 21 ตรงข้ามโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ครับ
  • สามารถจอดรถได้ที่ คอนโด สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมครับ
  • เดินทางสะดวกได้ง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่มีรถ หรือเลี่ยงรถติด ก็มาง่ายมาก ๆ ครับเพราะร้านเรา ใกล้กับ MRT เพชรบุรี ออก Exit 2 เดินมา
  • ทางถนนอโศกมนตรี ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง M Vita Clinic แล้วครับ

เอกสารอ้างอิง

วันเผยแพร่

By หมอเอ็ม นพ.มนตรี อุดมประเสริฐกุล (Montri Udomprasertkul, M.D.)

แพทย์ประจำ M Vita Clinic เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 33000

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษา นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า